ดราม่าเดือด!ร้านดอกไม้ขึ้นป้ายไม่สนับสนุนชาวพุทธร่วมเพศกับพระ โดนสั่งปลดแล้ว ซัดแรงถึงอดีตพระ-สีกาตอง

1392

ยังคงมีประเด็นให้สังคมติดตาม ภายหลังเกิดเรื่องราวกรณี “อดีตพระกาโตะ” ที่ตัดสินใจลาสิกขา หลังถูกแฉมีสัมพันธ์กับ “สีกาตอง” ล่าสุดเรื่องราวยังไม่จบ โดยอดีตพระกาโตะอ้างถูกฝ่ายหญิงยั่วยวน ส่วนเงินที่ให้สีกาตอง 3 แสนเป็นเงินส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเงินของวัด แต่ล่าสุดมาโป๊ะแตก

เพราะมีการแฉว่าอดีตพระกาโตะได้นำเงินจำนวน 6 แสนจากวัดเพื่อนำไปปิดข่าวรวมทั้งให้สีกาตอง ก่อนที่อดีตพระกาโตะจะขอนำเงินมาคืน ขณะที่พระคนกลางที่อ้างจะนำเงินไปให้นักข่าวเพื่อปิดข่าว ถึงวันนี้ยังตามตัวไม่เจอ ขณะที่ฝ่ายหญิง อ้างว่าไม่รู้ ว่าเงินจำนวน 3 แสนที่ได้มานั้นจะเป็นเงินของวัด และมีรายงานว่าเจ้าตัวยินดีจะคืนให้วัด ทำให้ต้องติดตามเรื่องนี้กันต่อไป

ขณะที่ในโลกออนไลน์ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งเรื่องที่มีประชาชนไปตามขอถ่ายรูปกับอดีตพระ ให้พื้นที่ขึ้นเวทีร้องเพลง จนต้องยอมปลดอดีตพระออกจากป้าย และไม่เชิญมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง ขึ้นป้ายสุดเดือด ว่าไม่ขอสนับสนุนไม่ขอสนับสนุนให้พุทธศาสนิกชนมีเพศสัมพันธ์กับพระ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดค่านิยมที่ผิดในอนาคต

โดยร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่งใน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ติดป้ายหน้าร้าน พร้อมระบุข้อความว่า “ร้านพะยอมดอกไม้สด ไม่ขอสนับสนุนให้พุทธศาสนิกชน มีเพศสัมพันธ์กับพระ บาป” จนมีการแชร์ภาพดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก

ทราบต่อว่ามา นายอริสมันต์ สิทธิดำรง อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของร้านพะยอมดอกไม้สด ชาวบ้าน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยว่า ตนติดตามข่าวฉาวของอดีตพระดังกับสีกาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทั้งอดีตพระและสีกาออกมายอมรับผิด โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกหดหู่มากขึ้น เพราะมีภาพคลิปปรากฏว่าทั้งอดีตพระและสีกาได้รับการต้อนรับ ขอเซลฟี่ ถ่ายภาพ และไปออกรายการทีวี ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสม เพราะจะเป็นการส่งเสริมค่านิยมที่ผิด อาจส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต หากมีเจ้าหน้าที่สั่งให้ตนถอดป้ายดังกล่าวออก ตนยืนยันว่าไม่ถอด เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะแสดงความคิดเห็น ที่สำคัญข้อความดังกล่าวเป็นการสื่อสารที่ชัดเจนในแบบฉบับคนใต้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เจ้าของร้านดอกไม้ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ขออนุญาตปลดป้ายลงคะ ทางผู้ใหญ่ไม่อนุญาต #ถ้าไม่เกรงใจเจ๊เจี๊ยบไว้สัก 2 วัน” ก่อนที่เจ้าของร้านจะมีการไลฟ์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า ตอนนี้มีผู้ใหญ่มาขอร้องให้ปลดป้ายลง เป็นผู้ใหญ่ที่นับถือ เค้าบอกว่าเราประสบความสำเร็จแล้วที่สร้างแรงกระเพื่อมให้สังคม ให้สังคมได้เห็นว่าการกระทำบางสิ่งบางอย่างมันผิดศีลธรรม คนที่เป็นพระก็ไม่สามารถปฏิบัติอย่างนี้ได้ ถึงจะติดได้เพียง 1 วัน แต่ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้สังคมก็จะได้ตระหนักว่าทำแบบนี้มันผิดศีลธรรม มันบาป

จริง ๆ คิดว่าจะติดสัก 3 วัน แต่ผู้ใหญ่บอกว่าเราอาจจะใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ไม่แน่ใจว่าคำ ๆ นี้ถ้านำมาขึ้นป้ายจะผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ดีใจที่ดูจากหลายเพจมีคนไม่เห็นด้วย ว่าการกระทำของบุคคลทั้งสอง เราจะเอามาชื่นชมเชิดหน้าชูตา มาออกตามสื่อมันไม่ได้ ถ้าเอาผู้หญิงไปออกอีเวนต์ ออกสื่อ เมื่อไหร่ที่ลูกหลานเราเห็น แล้วถามว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ได้ออกรายการ ได้เล่นหนัง เล่นละคร คุณจะตอบเค้าเหรอว่า อ๋อ เพราะมีอะไรกับพระที่สันเขื่อน ถ้าเกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นมาว่า ทำแบบนี้แล้วได้ทั้งเงินจากพระ แล้วยังมีคนมาจ้างไปรีวิวสินค้า เล่นละคร ออกงานอีเวนต์ แล้วมันใช่เหรอ

เราคนไทยคิดว่ารับไม่ได้และไม่สามารถตอบคำถามลูกหลานได้ นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจทำ ถึงใครจะว่าหิวแสงก็ไม่ใช่ธุระ เพราะตนทำมาหากินได้กำไรวันละร้อยสองร้อยก็อยู่ได้ โดยไม่ต้องหาเงินด้วยการทำผิดจารีตประเพณีและศีลธรรม