หลังจากที่นักวิชาการไทยและต่างชาติ มองสถานการณ์ของรัสเซีย-ยูเครน ว่าอาจจะจบลงในเร็ว ๆ นี้ แต่สถานการณ์ต่อไป จะเป็นปมเดือดของรัสเซียและนาโตแทน เพราะทางกองทัพรัสเซียออกมาเตือนว่าโลกต้องไม่ประมาทความเสี่ยงที่สำคัญของสงครามนิวเคลียร์ พร้อมกับแสดงความประสงค์ให้ชาติตะวันตกลดการติดอาวุธให้ยูเครน และเตือนว่าอาวุธของชาติตะวันตกจะเป็นเป้าหมายในการสู้รบในยูเครน ที่ถือว่ามีความชอบธรรมตามกฎหมาย
ทั้งนี้ลาฟรอฟรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ยังกล่าวด้วยว่า “โดยพื้นฐานแล้ว NATO กำลังทำสงครามกับรัสเซียผ่านตัวแทนและกำลังเตรียมอาวุธตัวแทนนั้น สงครามหมายถึงสงคราม” ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนทั้งสหรัฐฯ กลุ่ม EU และนาโตในคราวเดียวกัน ว่าอย่าประเมินศักยภาพของรัสเซียต่ำไป โดยคาดว่าเป้าหมายของปูตินนั้น ต้องการที่จะคานอำนาจของสหรัฐฯ ที่พยายามจะเข้ามาแทรกแซงหลาย ๆ ประเทศในโลก และเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ เพราะที่ผ่านมาสหรัฐฯและนาโต เข้ามามีบทบาทในการยึดยูเครน จนทำให้เหตุการณ์ยิ่งบานปลาย และยังคงถึงเวลาที่ปูตินจะจัดการนาโตและสหรัฐฯในคราวเดียวกัน
ขณะที่ในช่วงเดือนก่อน มีรายงานว่า นาโตเล็งส่งทหารไปยุโรปตะวันออกเพิ่ม เพื่อหนุนยูเครนมากขึ้น และมีเป้าหมายต้องการให้สู้รัสเซียได้ แม้อาวุธจะถูกทำลายโดยกองทัพรัสเซียไปอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ สวีเดน ฟินแลนด์ เห็นพ้อง ยื่นสมัครเข้านาโต พร้อมกัน คาดการณ์ว่าจะเร็วสุดกลางเดือนพ.ค.นี้ ท่าทีของนาโต ดูเหมือนว่าจะไม่ฟังคำเตือนจากทางฝั่งรัสเซีย แม้รัสเซียจะเตือนว่า การที่นาโตไม่หยุดส่งอาวุธ เท่ากับเป็นการประกาศตัวชัดเจน ว่าอยากร่วมสงคราม และการยั่วยุของนาโตครั้งนี้อาจจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นักวิชาการเคยประเมินไว้ว่า ปมเดือดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะไม่บานปลายไปถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 แน่นอน แต่เมื่อนาโตไม่หยุดท้าทายปูติน ก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งนาโตเอง ยังมีชาติกลุ่มพันธมิตรในมือ ทั้งสหรัฐฯ ชาติตะวันตก และกลุ่ม EU ที่เบื้องหลังอยากจะโค่นอำนาจรัสเซียนั้น ถูกลากเข้ามามีส่วนในสงครามครั้งนี้ ทำให้ต้องจับตาดูว่านาโตจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ คงเริ่มชัดเจนแล้วว่า นาโตเลือกที่จะเผชิญหน้ากับปูติน ผ่านการยืมมือของยูเครน แต่ต่อไปอาจจะเห็นนาโตลงสนามเต็มตัวก็เป็นไปได้
