“ทูตสหรัฐ” โอ๋ “ไทย” ขวาง “รัสเซีย” ใช้ทหารบุกยูเครน! กล้าพูดต้องแก้ด้วยสันติวิธี ย้อนUSAรุกรานอิรัก เสียชีวิตนับหมื่น

1838

“ทูตสหรัฐ” โอ๋ “ไทย” ขวาง “รัสเซีย” ใช้ทหารบุกยูเครน! กล้าพูดต้องแก้ด้วยสันติวิธี ย้อนUSAรุกรานอิรัก เสียชีวิตนับหมื่น

จากกรณีที่นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตและรักษาการแทนเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวถึงเหตุการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนว่า “นี่เป็นสงครามการรุกรานโดยปูติน ยูเครนไม่ได้เป็นภัยต่อรัสเซียเลย และมีเพียงปูตินเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่ไร้เหตุผลและการรุกรานอธิปไตยในครั้งนี้”

อุปทูตฮีธ กล่าวว่า เรายกย่องไทยที่ร่วมกับประเทศส่วนใหญ่ลงคะแนนเสียงอย่างล้นหลาม ณ สหประชาชาติ ให้รัสเซียหยุดใช้กำลังทหารกับยูเครนโดยทันที ประเทศทั้งหมด 141 ประเทศโหวตสนับสนุนข้อมตินี้ ซึ่งเน้นย้ำถึงอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้พยายามคลี่คลายความขัดแย้งที่ไม่เป็นธรรมและไร้ความชอบธรรมด้วยการทูตและสันติวิธีมาโดยตลอด และยังคงเดินหน้าทำเช่นนั้นต่อไป

“เราชื่นชมความกล้าของชาวยูเครนที่กำลังปกป้องประเทศของตนจากการรุกรานที่โหดร้ายทารุณและผิดทำนองคลองธรรมในครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้พยายามคลี่คลายความขัดแย้งที่ไม่เป็นธรรมและไร้ความชอบธรรมด้วยการทูตและสันติวิธีมาโดยตลอด และยังคงเดินหน้าทำเช่นนั้นต่อไป” อุปทูตสหรัฐฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื้อหาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่ง ของการการตอบคำถามผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง ที่ได้รับเชิญไปพบปะพูดคุยสถานการณ์ทั่วไป ที่บ้านรับรองประจำตำแหน่งเอกอัคราชฑูตสหรัฐฯประจำประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2546 ได้เกิดสงครามรุกรานอิรักของสหรัฐอเมริกา ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะทำสงครามรุกรานประเทศอิรักเพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซ็น นั้น ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ได้อ้างเหตุผลหลัก 2 ประการต่อชาวอเมริกันและชาวโลกคือ อิรักมีอาวุธทำลายร้ายแรงไว้ในครอบครอง และซัดดัม ฮุสเซ็น ผู้นำของอิรักให้การสนับสนุน กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะของ โอซามะ บิน ลาเด็น

แต่หลังจากสหรัฐอเมริกาได้โค่นล้มประธานาธิบดีซัดดัมและได้เข้ายึดครองอิรักเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี ปรากฏว่าไม่พบหลักฐานดังกล่าวตามที่ประธานาธิบดีบุชได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด คณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ข้อสรุปและเปิดเผยต่อคนอเมริกันและชาวโลกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2547 ว่า

สหรัฐอเมริกาได้รุกรานอิรักโดยอาศัยข้อมูลข่าวกรองที่ล้าสมัย ไม่ถูกต้อง และเป็นข้อมูลที่ไม่ชอบธรรมที่ ประธานาธิบดีบุชใช้อ้างในการทำสงคราม นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการชุดนี้ยังพบว่า สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ไม่สามารถหาหลักฐานที่น่าเชื่อมาแสดงว่า ซัดดัมกับอัลกออิดะ เป็นพันธมิตรกันไม่ว่าจะมองในแง่มุมใดก็ตาม

แม้ว่าในที่สุดสหรัฐอเมริกาจะประสบผลสำเร็จในการใช้กำลังโค่นล้มประธานาธิบดีซัดดัมของอิรักแล้วก็ตาม แต่ผู้นำของสหรัฐอเมริกากลับต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญมากขึ้น โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2547 ชาวอเมริกาส่วนใหญ่ (ร้อยละ 54) เริ่มมีความเห็นว่าการทำสงครามของสหรัฐอเมริกาในอิรักนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด และมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 51) ของชาวอเมริกากลับมีความเห็นว่าไม่รู้สึกปลอดภัยขึ้นหลังจากการโค่นซัดดัมแล้ว ทั้ง ๆ ที่ผู้นำของสหรัฐอเมริกาพยายามอ้างอยู่เป็นระยะ ๆ ว่า สหรัฐอเมริกาและโลกมีความปลอดภัยมากขึ้นเมื่อขจัดซัดดัมได้แล้ว

แต่ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะรุกรานอิรักด้วยเหตุผลใดก็ตาม การทำสงครามของสหรัฐอเมริกาได้นำความสูญเสียทั้งชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินของชาวอิรักจำนวนมหาศาล เฉพาะชาวอิรักที่เป็นพลเรือนต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 13,000 คน ทหารอเมริกันเองก็เสียชีวิตร่วม 1,000 คน