กองทัพฟิลิปปินส์เตรียมยกระดับขีดความสามารถด้านการป้องกันชายฝั่ง ด้วยระบบขีปนาวุธชุดใหม่จากอินเดียมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท และจะสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กลำใหม่อีก 32 ลำ มูลค่ามากกว่า 20,565 ล้านบาทรวมสองรายการกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ให้เหตุผลว่าเป็นการปรับปรุงขีดความสามารถล่าสุดของกองทัพฟิลิปปินส์เพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์เก่าที่อายุใช้งานนาน ท่ามกลางข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้กับจีน
วันที่ 16 ม.ค.2565 สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ฟิลิปปินส์กำลังซื้อเฮลิคอปเตอร์ S-70i Black Hawk จำนวน 32 ลำจาก PZL Mielec ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือSikorsky Aircraft ในโปแลนด์ หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีล็อคฮีทมาร์ตินของสหรัฐเป็นเจ้าของ ทั้งนี้แจงวัตถุประสงค์ว่า เพื่อเพิ่มฝูงบินที่มีอยู่จำนวน 12 ลำ
คำสั่งซื้อล่าสุดได้รับการเปิดเผยโดยเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เมื่อวันศุกร์เพิ่งประกาศว่า ฟิลิปปินส์จะซื้อระบบมิสไซล์ต่อต้านเรือจากอินเดีย เป็นมูลค่าเกือบ 375 ล้านดอลลาร์ (12,438 ล้านบาท) เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ
ระบบบราโมส์(BrahMos)ของอินเดีย คือมิสไซล์ล่องเรือความเร็วเหนือเสียงที่เร็วที่สุดในโลก มันสามารถยิงจากเรือดำน้ำ เรือ เครื่องบิน หรือแท่นบนบก และบินด้วยความเร็วเกือบสามเท่าของเสียง ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เป้าหมายจะหลบเลี่ยง
ปีที่แล้วไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์ก็เพิ่งสั่งซื้อเรือรบใหม่ 2 ลำ จากบริษัท ฮุนไดเฮฟวีอินดัสตรีส์ ของเกาหลีใต้ ในข้อตกลงมูลค่า 556 ล้านดอลลาร์ (18,442 ล้านบาท)
ลอเรนซานาโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ว่า ฟิลิปปินส์จะซื้อเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก เอส-70 ไอ 32 ลำ จาก PZL Mielec บริษัทโปแลนด์ในเครือของไซคอร์สกีแอร์คราฟต์ ที่ล็อกฮีดมาร์ติน ผู้ผลิตอาวุธจากสหรัฐ เป็นเจ้าของ โดยได้แจ้งคำประกาศชนะการประมูลโครงการมูลค่า 624 ล้านดอลลาร์ (20,565 ล้านบาท ) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการร่างสัญญาจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่ ที่จะรวมถึงการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ และการฝึกนักบินและหน่วยซ่อมบำรุง
รัฐมนตรีกลาโหมฯคาดว่า ฟิลิปปินส์จะได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำแรกในปี 2566 ที่เหลือจะจัดส่งเป็น 3 ชุด โดยชุดแรก 10 ลำในปี 2567, อีก 10 ลำในปี 2568 ส่วน 7 ลำสุดท้ายได้ในปี 2569
เขากล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ใหม่มีความจำเป็นต่อการตอบสนองภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วย
“ไม่เคยมีการขาดแคลนเครื่องบินลำเลียงและเฮลิคอปเตอร์รุนแรงเท่านี้มาก่อนระหว่างโรคระบาดและหลังพายุไต้ฝุ่นโอเด็ตต์” ลอเรนซานากล่าวถึงไต้ฝุ่นราอีที่ถล่มฟิลิปปินส์เมื่อเดือนธันวาคม คร่าชีวิตคนมากกว่า 400 คน และสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง และว่า ฝูงเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ก็อายุมากและไม่คุ้มค่ากับการซ่อมบำรุง
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลฟิลิปปินส์สั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ เอส-40 ไอ แบล็กฮอว์ก 16 ลำ เพื่อมาทดแทนเฮลิคอปเตอร์เบลล์ ยูเอช-1 เอช หรือฮิวอี้ หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่คร่าชีวิต
เดือนมิถุนายนปีก่อน กองทัพฟิลิปปินส์หยุดใช้งานฝูงบินแบล็กฮอว์กทั้งหมด หลังจากเอส-70 ไอ ลำหนึ่งตกระหว่างการฝึกบินกลางคืน ทำให้เสียชีวิตทั้งลำ 6 คน การสอบสวนพบว่า เฮลิคอปเตอร์บินเข้าพายุฝนฟ้าคะนองโดยไม่ตั้งใจ ทำให้นักบินเกิดอาการหลงสภาพการบิน
รมว.กลาโหมของฟิลิปปินส์ ได้เปิดเผย ว่ารัฐบาลกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ของการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงฉบับใหม่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพ ตั้งงบประมาณมูลค่า 300,000 ล้านเปโซราว 193,095.51 ล้านบาทครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี
การสั่งซื้อระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือชายฝั่ง มูลค่า 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,439.88 ล้านบาท) จากบริษัทบราห์มอส แอโรสเปซ ของอินเดีย ซึ่งมีการเจรจาซื้อขายกันตั้งแต่ปี 2560 แต่ล่าช้าไปหลายปี เนื่องจากความติดขัดเรื่องงบประมาณ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ลอเรนซานากล่าวถึงข้อตกลงดังกล่าวกับบริษัทของอินเดีย ว่าเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพเรือ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งรัฐบาลมะนิลากับรัฐบาลปักกิ่งมีข้อพิพาทยืดเยื้อเรื่องกรรมสิทธิ์ทับซ้อน เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ และหมู่เกาะพาราเซล