จับตา ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย! เปิดลึก 2 แผน ดับเครื่อง “ธรรมนัส-นฤมล” พ้นสภาพ แน่นอน!
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.64 ได้มีกระแสข่าว กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เรียกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ 7 คนเข้าพบหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม , นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้าประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังจากนั้นได้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมมีความเห็นตรงกัน ในความไม่สบายใจที่ทางด้านของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้จัดการทำโพลภายใน และทำให้ ส.ส.หลายคนอึดอัดและไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยเปิดเผยว่าหากยังปล่อยให้มีปัญหาแบบนี้ และไม่มีการแก้ไขใดๆ ต่อไปอาจทำให้มีปัญหามากขึ้นตามมา
อีกทั้งต่อมาในวันเดียวกันยังได้มีรายงานว่า รัฐมนตรีทั้ง 6 คน ก็ยังได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐกันต่อ
โดยเรื่องที่ถกกันนั้น ได้มีการหยิบเรื่องของ จำนวนกรรมการบริหารพรรคที่อาจมีปัญหาลาออกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง เนื่องจากว่า 11 เสียง เป็นกลุ่มสนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส และอีก 15 เสียง เป็นกลุ่มหนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามทางด้านของ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เรื่องเสียงไม่มีปัญหา เดี๋ยวจะเป็นคนไปจัดการเอง ทั้งนี้จะได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ในวันที่ 26 ต.ค. นี้อย่างแน่นอน
ซึ่งสัญญาณแบบนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า ร.อ.ธรรมนัส มีโอกาสสูงที่จะหลุดออกจากการเป็น เลขาธิการพรรค เพราะหากว่าย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่ 18 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ยื่นใบลาออก ส่งผลให้คณะกรรมการบริหาร ชุดปัจจุบัน จำนวน 34 คน ต้องพ้นสภาพทันที ส่งผลให้ทางด้านของ นายอุตตม สาวนายน ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขณะนั้น รวมถึง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ขณะนั้น ถูกเปลี่ยนแปลง
ตามข้อบังคับพรรค ถ้ากรรมการบริหารพรรคลาออกเกินกึ่งหนึ่ง จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะทำให้คณกรรมการบริหารพรรคที่เป็นอยู่เดิม จะเป็นผู้รักษาการเพื่อทำหน้าที่ของพรรคต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 45 วัน
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้ หากว่าวิธีแรกไม่สำเร็จ ก็คือ พล.อ.ประวิตร ไขก๊อกด้วยตัวเอง ขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เหมือนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ตามข้อบังคับข้อที่ 15 มีผลให้พ้น กก.บห.พ้นจากตำแน่ง จึงต้องเลือกภายใน 60 วัน จึงให้ประธานดำเนินการเลือกกก.บห.ชุดใหม่ ตามข้อบังคับพรรคกำหนด
ซึ่งไม่ว่าวิธีไหน ก็จะทำให้ทางด้านของ ร.อ.ธรรมนัส ต้องหลุด ออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อย่างแน่นอน