วางแผนป่วน? “จตุพร” หารือแกนนำ 3 นิ้ว ในคุก จับตาเตรียมนัดใหญ่ปลุกม็อบต่อ!

1603

หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2799/2557 กรณีชุมนุมล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น โดยบรรยากาศที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (14 ต.ค.) นายจตุพรได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และกลุ่มไทยไม่ทน มารอให้กำลังใจ

 

โดยนายจตุพร ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ตนและบรรดาเพื่อนผู้ต้องขัง 517 คนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมทั้งประเทศกว่า 5 หมื่นคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคนที่จะได้รับการปล่อยตัวต้องได้รับการอบรมโครงการโคกหนองนา รุ่นละ 14 วัน ตนอยู่ในรุ่นที่ 3 ซึ่งกำหนดการปล่อยวานนี้ แต่เนื่องจากไม่ได้การประกันตัวจากศาลอาญาในคดีบ้านสี่เสาเทเวศร์

ตนต้องกราบขอบพระคุณศาลอุทธรณ์ที่ให้ความเมตตา เพราะตลอดระยะกว่า 10 ปีมานี้ ตนเข้าออกคุกมาแล้ว 5 ครั้ง ไม่เคยหลบหนีแม้แต้เพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้นตนจะหลบหนีกับคดีที่ถูกคุมขังเกินกว่าเกณฑ์พักโทษ อย่างที่บอกว่าถูกคุมขังมาแล้ว 14 เดือน แต่การพักโทษถูกจำขังเพียงแค่ 10 เดือนกับ 20 วันเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรียนมาเพื่อทราบว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้ เพราะคดีบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นคดีแรกและตนไม่เคยหลบหนีคดีแม้แต่เพียงครั้งเดียว ถ้าหลบหนีคดี ไม่มีโอกาสเข้าคุกออกคุกมาแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 กราบขอบพระคุณศาลอุทธรณ์อีกครั้ง และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานอภัยโทษ และ 14 วันทรงคุณค่าโคกหนองนา ก็เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

ขอเรียนย้ำว่าพวกเรายังต้องกลับไปหารือในทุกเรื่องกันอีกครั้ง ตนอยู่ในคุก 97 วัน เพื่อนพ้องพี่น้องหลายคนได้ทำหน้าที่กันอย่างงดงาม หลายคนได้ทำหน้าที่แม้ไม่ได้มาที่นี้ในวันนี้ ก็ทำหน้าที่ช่วยหลังทราบข่าว ความเป็นพี่น้องยังแข็งแรงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีวันจะเสื่อมคลาย ขอบคุณทุกกำลังใจ เพราะวันนี้ตนอายุ 57 ปี และแฮปปี้เบิร์ทเดย์ในคุก 2 ครั้ง ชีวิตก็ได้เริ่มต้นเพียงแต่ว่าการเข้าคุกมาในรอบนี้ มีความตั้งใจเพราะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องเข้า

เมื่อผู้สื่อข่าว ได้ถามถึงสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปมาก จากวันที่นายจตุพรเข้าเรือนจำ นายจตุพร ได้กล่าวว่า ตนได้ตามสถานการณ์ห่าง ๆ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ไม่ถึง 8 ปี สถานการณ์การเมืองยุคในอดีตที่ผ่านมา นักรบนักต่อสู้ เขาชอบคำไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน แต่การเมืองยุคปัจจุบันฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อนนั้น อย่างไรก็พาประเทศไปไม่รอด ตนเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งที่ผ่านมา ได้เห็นอะไรๆหลายอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ รู้แก่ใจว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ยิ่งอยู่นานเท่าไรจะต้องแปดเปื้อนอะไรบ้าง

เพราะฉะนั้นตนเห็นว่าหลายคนอาจจะติดใจเรื่องต้องวินิจฉัย 8 ปี แต่ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ได้ถึงวันนั้น “ผมคิดว่าอีกไม่กี่วันคงตามทันสถานการณ์และพูดคุยบรรดาหมู่มิตรที่อยู่ที่นี้และไม่อยู่ที่นี้ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ บ้านเมืองใหญ่กว่าบุคคล เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือคนถ้ารู้จักเสียงสละเพื่อรักษาชาติบ้านเมือง ประเทศจะพ้นวิกฤต แต่ถ้าตราบใดคนเป็นใหญ่กว่าบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นไม่สามารถจะรักษาเอาไว้ได้”

นอกจากนี้นายจตุพร ยังบอกว่า ได้พบกับแกนนำราษฎรที่ถูกคุมขัง พูดคุยเล็กน้อย เจอเพียงบางคน ได้เจอบ้างเมื่อเขามารักษาตัว ที่อาคารพยาบาล ซึ่งได้ทักทายและให้มีกำลังที่เข้มแข็งเพื่อรอวันมีอิสรภาพ เพราะตนอยู่ในอาคารกักโรค ในตลอดระยะเวลา 97 วันไม่ได้เจอแสงแดดเลย ตนเข้าใจคำว่า “หิวแสง” เป็นอย่างไร เพราะไม่เคยเจอแดดมา 97 วัน ซึ่งตนเข้าใจคำว่าอิสรภาพเพราะเข้าออก คุกมา 5 ครั้ง ซึ่งสู้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาวไม่ได้แตกต่างกัน ก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ที่ติดโควิด และต้องมาตรวจร่างกายที่โรงพยาล จะมีเพนกวิน , ฟ้า พรหมศร , ไมค์ ภาณุพงศ์ และไผ่ ดาวดิน

อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ส่วนการชุมนุมเพื่อเคลื่อนไหวขับไล่พล.อ.ประยุทธ์นั้น ตนคงจะได้มีโอกาสไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนในสังคมว่าปัญหาขณะนี้เป็นปัญหาของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เราจะปล่อยให้บุคคลใด บุคคลหนึ่งสร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองไม่ได้ เราคนไทยทุกมีหน้าที่รักษาชาติบ้านเมือง วันนี้ต้องคุยกับบรรดาหมู่มิตรทุกภาคฝ่ายว่าเราจะทำอย่างไรกันในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยากลำบากขณะนี้ ขอให้ตนเองมีความพร้อมก่อน จะออกมาแถลงจุดยืนอีกครั้ง ว่าจะขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน ทั้งนี้นายจตุพรบอกว่า ระหว่างอยู่ในเรือนจำ น้ำหนักลดลงไป 27 กก. เพรากินเจ และมังสวิรัต ทำให้ดูซูบผอมลงมาก