เคลื่อนไหวแล้ว ส.ส.โรม ไม่รับผิดชอบ แถมแถต่อ หลังม็อบสามนิ้ว จัดฉากการ์ดลิ่วล้อโดนอุ้ม

4947

ด้านกว่านี้ ยังมีอีกไหม!? เคลื่อนไหวแล้ว ส.ส.โรม ไม่รับผิดชอบ แถมแถต่อ หลังม็อบสามนิ้ว จัดฉากการ์ดลิ่วล้อโดนอุ้ม!!

จากกรณีที่ได้มีการปลุกปั่นกระแส ของกลุ่มคณะราษฎรว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ บุกอุ้ม สมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร ที่ชื่อ “นายมงคล สันติเมธากุล” หรือ “เยล” โดยได้ทำการเล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะแบบฉากต่อฉาก เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นการเอาผ้าดำคลุม จับขึ้นรถตู้ แถมยังมีการข่มขู่ต่างๆ โดยทางด้านของ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำการ์ด wevo ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่เท่านั้นทางด้านของ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมากมาย

ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ทางด้านของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ข้อความ ในเชิงปลุกปั่น เพื่อให้เรื่องดังกล่าวเกิดความน่าเชื่อถือ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

“ผมวิ่งอย่างเดียวผมไม่สนใจ ถ้าผมโดนรถชนคือตายอย่างเดียว
ถูกคลุมหัวด้วยผ้าดำบนรถตู้ โดยชายฉกรรจ์ 4-5 คน ถูกยึดมือถือตั้งแต่ขึ้นรถ-จำยอมให้รหัสเข้ามือถือ”
อ่านที่เยล มงคล กลุ่มการ์ดราษฎรเล่าตอนถูกอุ้มแล้วโกรธมาก ละเมิดสิทธิชัดเจน ผมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในกมธ.กฎหมายฯ โดยเร็วที่สุด

แต่แล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค.64 ความจริงก็ถูกเปิดเผย หลังจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงที่ เยล อ้างว่าถูกอุ้ม และก็ทำให้รู้แจ้งเห็นจริง ว่า กลุ่มคณะราษฎร โกหก ตั้งใจสร้างเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว เพื่อหวังโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐฯ เพราะในวันเวลาดังกล่าวนั้น เห็นชัดเจนว่า “เยล” ไม่ได้ถูกอุ้มตามที่กล่าวอ้าง แต่ “เยล” อยู่เพียงลำพังตลอดทั้งคืน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทั้งหมด จึงเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามที่นายมงคลอ้าง จึงถือว่านายมงคลแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และเตรียมสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีบุคคลใดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนเพื่อสร้างเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ และเตรียมเรียกตัวนายมงคลเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน

ล่าสุดทางด้านของ นายรังสิมันต์ ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นดังกล่าว ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

[การอุ้มหายคือความเป็นความตายของคน ไม่ใช่เรื่องที่จะดูเบาหรือนิ่งเฉยได้]

จากกรณีการ์ดราษฎรหายตัวไปเมื่อหลายวันก่อนที่มีความน่ากังวลว่าจะเป็นการอุ้มหาย ซึ่งขณะนี้มีการโต้แย้งว่าไม่เป็นความจริงนั้น ผมได้ติดตามการรายงานข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมจะขอรับฟังการชี้แจงจากเจ้าตัวด้วย

แต่ไม่ว่าบทสรุปของข้อเท็จจริงเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมต้องยืนยันอย่างหนักแน่นที่สุด คือการบังคับให้สูญหายหรือการอุ้มหายนั้นเป็นประเด็นที่จะดูเบาไม่ได้โดยเด็ดขาด และจำเป็นอย่างยิ่งที่เมื่อเกิดเหตุการอุ้มหายแต่ละครั้ง จะต้องมีการส่งเสียงเพื่อแจ้งเตือนและกดดันให้กว้างขวางที่สุดและดังที่สุด เพื่อไม่ให้เรื่องเงียบหายและเหยื่อต้องสูญหายไปจริงๆ

หนึ่งในด้านที่เลวร้ายที่สุดของการอุ้มหาย คือหลายกรณีนั้นไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันเหตุการณ์ได้โดยง่าย ไม่มีแม้กระทั่งตัวเหยื่อที่จะมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังได้ เพราะก็ถูกอุ้มหายไป บางกรณีอาจมีแค่เพียงการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือสั้นๆ จากตัวเหยื่อก่อนถูกอุ้ม หรือคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์เท่านั้น การอุ้มหายบ่อยครั้งจึงไม่สามารถทราบตัวผู้ก่อเหตุได้ในทันที ทำได้เพียงคาดเดาจากมูลเหตุจูงใจที่แวดล้อมตัวเหยื่อ

อย่างไรก็ตามนี่คือสถานการณ์ความเป็นความตาย ในห้วงเวลาที่ไม่มีใครรับรู้ชะตากรรมของเหยื่อ สิ่งที่สังคมสามารถทำได้เพื่อที่อย่างน้อยจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดปลอดภัยของเหยื่อก็คือการส่งเสียงออกมาดังๆ หรือเรียกร้องต่อผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องให้เร่งตามหา

ยิ่งในสถานการณ์ที่มีการอุ้มหายด้วยมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเกิดขึ้นมาแล้วนับสิบราย ภายใต้รัฐบาลที่ไม่เคยแยแสชีวิตของผู้ที่เห็นต่าง ก็คงมีแต่ประชาชนกันเองที่จะเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกอุ้มหายเหล่านี้ได้

ผมยอมรับว่าวิธีการเช่นนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สุดท้ายบางกรณีที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นความผิดพลาดได้ แต่หากเป็นความผิดพลาดจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้กลายเป็นการด้อยค่าประเด็นการอุ้มหาย เพราะในวันหน้าหากเกิดการอุ้มหายอีกครั้ง ทว่าสังคมกลับเมินเฉย รอคอยให้ฝ่ายเหยื่อต้องพิสูจน์หลักฐานแทนที่จะช่วยกันตามหาและรับรองความปลอดภัยของเหยื่อแล้ว เขาอาจไม่ได้โชคดีรอดกลับมาก็ได้

แม้กระทั่งกับกรณีการ์ดราษฎรที่กำลังเป็นข่าว หากย้อนเวลากลับไปได้ ด้วยข้อมูลเท่าที่มีอยู่ ณ เวลานั้น ผมก็ยังคงยืนยันที่จะโพสต์เรียกร้องให้ให้หน่วยงานรัฐเร่งดำเนินการตามหาตัวอย่างที่ได้โพสต์ไป มันอาจจะกระทบต่อชื่อเสียงของผมในท้ายสุด แต่ผมถือว่าชีวิตคนที่กำลังตกอยู่ในความไม่แน่นอนสำคัญกว่าชื่อเสียงของผมเสมอ

ผมยังยืนยันว่าเราจะยอมให้บ้านเมืองนี้มีคนถูกอุ้มหายเป็นว่าเล่นไม่ได้ ไม่ว่าจะหายไปแค่ชั่วโมงเดียว หรือหายไปตลอดกาลก็ตาม หากยังมีใครในประเทศที่ถูกอุ้มหาย นั่นหมายความว่าทุกคนในประเทศมีโอกาสถูกอุ้มหายได้เสมอ และถึงที่สุดเราจะต้องพัฒนาระบบโครงสร้างของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในแง่กฎหมายหรือวัฒนธรรมการใช้อำนาจ เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะไม่ต้องหวาดวิตกกับอาชญากรรมอันชั่วร้ายนี้อีก