วันที่ 20 ม.ค.2564 โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา เริ่มงานวันแรกในทำเนียบขาวทันที หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษประธานาธิบดี(Executive Order)ชุดใหญ่ 17 ฉบับ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในวันแรกของประธานาธิบดี ยุคหลังๆ มักเซ็นกันเป็นพิธีเอาฤกษ์เอาชัยแค่ 1 ฉบับเท่านั้น (ทรัมป์และคลินตันเซ็น 1 ฉบับ โอบามาไม่ได้เซ็นเลยในวันแรก)
BREAKING: President Biden signs 3 executive orders in front of reporters on Day 1 of presidency:
• Mask mandate and social distancing be kept on federal property
• Executive order on racial equity and “support for underserved communities”
• Rejoining Paris Climate Accord pic.twitter.com/i4o5W1AhUf
— NBC News (@NBCNews) January 20, 2021
ไบเดนนั่งบนโต๊ะทำงานในห้องรูปไข่ (Oval Office) ลงนามคำสั่งของประธานาธิบดี สวนนโยบายทรัมป์แบบกลับหลังหัน เช่น
1.ระงับแผนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ Trump เริ่มไว้
2.กลับเข้าร่วมสนธิสัญญาด้านสภาพอากาศ Paris Climate Accord ที่รัฐบาล Trump ถอนตัวออกมา
3.กำหนดให้ประชาชนต้องใส่หน้ากากในพื้นที่ของรัฐบาลกลาง เป็นเวลา 100 วันเพื่อลดการระบาดของไวรัส
4.ระงับการก่อสร้างกำแพงพรมแดนเม็กซิโกของทรัมป์ชั่วคราว
5.ยกเลิกการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล ที่มีการวางท่อน้ำมันผ่านเขตอนุรักษ์ ทำให้เกิดผลกระทบกับชีวิตของชาติพันธ์ในพื้นที่ ก่อความไม่พอใจมานานนับสิบปี
6.ยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศ ยกเลิกวีซ่า อย่างเฉพาะเจาะจงและ สำหรับคนที่อยู่ในประเทศมุสลิม 7 ประเทศ
7.แต่งตั้งตำแหน่งผู้ประสานงานรับมือการแพร่ระบาดของ COVID-19 รายงานตรงต่อประธานาธิบดี
8.ยืดเวลาการจ่ายหนี้การศึกษาไปอีกจนถึง 30 กันยายน 2021 ฯลฯ
ไบเดนประกาศต่อสื่อว่า วันนี้เป็นวันแรกในตำแหน่ง ไม่มีวันไหนเหมาะกับการเริ่มงานอีกแล้ว ไม่ควรเสียเวลาเปล่าประโยชน์ ควรทำงานทันที และเขาอยากเริ่มงานด้วยการทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ คณะทำงานของไบเดน ยังประกาศให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางหยุดออกคำสั่งหรือนโยบายใหม่ๆ ชั่วคราว รวมถึงชะลอการบังคับใช้กฎระเบียบที่ออกไปแล้วเป็นเวลา 60 วัน เพื่อรีวิวคำสั่งเดิมในยุคปลายของทรัมป์ ว่าจะยกเลิกหรือไม่ ทำให้เราอาจได้เห็นการเพิกถอนหรือยกเลิกคำสั่งเดิมของทรัมป์อีกชุดใหญ่ตามมา
ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์เซ็นทิ้งทวนก่อนพ้นทำเนียบขาว อภัยโทษให้กับอดีตที่ปรึกษาอาวุโสและบุคคลอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 73 คน ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ประธานาธิบดีอภัยโทษให้ตัวเองได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวสภาหรือประชาชน
และล่าสุดคนสนิทของทรัมป์แย้มว่า ทรัมป์เล็งตั้งพรรคการเมืองของตัวเองโดยอาจใช้ชื่อว่า “แพตทริออต” ด้วยคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมาแม้จะแม้โจไบเดน แต่คะแนนป๊อปปูลาร์โหวดยังคงมีจำนวนมากถึง 74 ล้านเสียง
แต่ความหวังจะกลับคืนสู่สังเวียนเลือกตั้ง ในฐานะคู่แข่งประธานาธิบดีสมัยหน้าเป็นไปได้ยาก เพราะทรัมป์หลังหมดวาระแล้ว ต้องเผชิญการสอบสวนหลายคดีเกี่ยวกับธุรกิจ และอาจถูกฟ้องร้องจากการดำเนินการขณะดำรงตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงความพยายามในการเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง และการปลุกปั่นผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ทำให้สภาผู้แทนราษฎรโหวตเดินหน้ากระบวนการถอดถอน ซึ่งหากวุฒิสภารับไม้ต่อและตัดสินว่า มีความผิดจริง ทรัมป์จะไม่สามารถลงเลือกตั้งในปี 2024 ได้ตามที่ตั้งใจ