จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้แถลงข่าวเรื่องถูกรัฐบาลแจ้งความในข้อหาตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ภายหลังจากที่เจ้าตัวได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล
และลามไปถึงการวิจารณ์สถาบันฯ พร้อมตั้งชื่อหัวข้อว่า “วัคซีนพระราชทาน” ใครได้-ใครเสียประโยชน์ โดยระบุว่า ขอยืนยันกับสังคมว่าพวกเราสนับสนุนการเจรจาต่อรองเพื่อให้มีวัคซีนจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อครอบคลุมประชากรและได้ฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว
การตั้งข้อสังเกตของตนนั้น คือรัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร เพราะไทยยังหาวัคซีนได้เพียง 21.5% ของประชากร และไทยยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีน
ทั้งนี้การนำเข้าวัคซีนยังมีเพียงสัญญาเดียวที่นำเข้าล็อตใหญ่ คือบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งมีบริษัทเอกชนเป็นองค์กรแสวงหากำไรเข้าไปเกี่ยวข้อง และรัฐบาลยังให้งบฯ เกือบ 600 ล้านบาทสนับสนุน และเพิ่มให้ภายหลังกว่า 1,400 ล้านบาท
“ประชาชนไม่สมควรจะตรวจสอบหรือ ดีลที่เกิดขึ้นเป็นดีลปกติไหม เหมาะสมหรือไม่ เพราะเงินที่สนับสนุนมาจากภาษีประชาชน”
การสืบค้นเอกสารพบ 3 สัญญาในดีลนี้ ไม่ได้เป็นอิสระต่อกัน คือ 1. ดีลของบริษัท แอสตราเซเนกา กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์
2. บริษัท แอสตราเซเนกา กับรัฐบาลไทย และ 3.รัฐบาลไทยที่ให้เงินสนับสนุนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์
” 3 ก้อนใหญ่ไม่ได้เป็นอิสระ ไม่ได้เป็นเอกเทศ แต่เป็นดีลเดียวที่เจรจารวมกัน เอกสารที่ค้นมายืนยันชัดเจน สำคัญที่สุดคือวัคซีนที่เราพูดถึงมาจากภาษีประชาชน”
การตรวจสอบครั้งนี้เป็นการตรวจสอบการนำภาษีของประชาชนไปใช้กับบริษัทเอกชน ซึ่งทำอยู่แล้วตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่จนถึงปัจจุบัน เช่น การตรวจสอบคิงส์พาวเวอร์, รถไฟฟ้าสายสีทอง, การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นต้น
“ก้อนใหญ่ ๆ ไม่ได้แยกเจรจาเป็นเอกเทศ เอกสารที่ค้นมาชี้ว่าไม่มีการคัดเลือก และเมื่อตั้งคำถามกับการจัดการวัคซีน ว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์เอกชนรายใดเฉพาะหรือไม่ กลับถูกดำเนินคดี”
นอกจากนี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังแถลงชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มคำว่า วัคซีนพระราชทาน โดยระบุว่าเป็นคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ เอง ในพิธีลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ตรวจสอบในคลิปดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงรายละเอียดการนำเข้าวัคซีน รวมทั้งมีประโยคที่บอกว่า “ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เข้ามาช่วยผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา” ซึ่งไม่ได้มีประโยคไหนที่บอกว่า นี่คือ “วัคซีนพระราชทาน” ตามที่นายธนาธรกล่าวอ้าง