เริ่มน่าสงสัย “ส.ส.ไพบูลย์” มีกลิ่นแปลกๆ ไม่กล้ารับดีเบต “นพ.วรงค์” หรือเพราะรู้ว่าผิด?

1841

เริ่มน่าสงสัย “ส.ส.ไพบูลย์” มีกลิ่นแปลกๆ ไม่กล้ารับดีเบต “นพ.วรงค์” หรือเพราะรู้ว่าผิด ลักไก่แก้รัฐธรรมนูญแล้วรับผิดชอบไม่ไหว?

สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยท้าทายนัดให้มาดีเบตกันเกี่ยวกับประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2ใบ แต่สุดท้ายทางด้านของ นายไพบูลย์ ก็ไม่ได้รับคำท้า

ล่าสุดทางด้านของ เพจสาธารณะ “ไทยภักดี” ได้โพสต์ข้อความถึงแนวคิดของ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ ในความผิดปกติที่ นายไพบูลย์ ไม่กล้ารับคำท้าดีเบตเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ กับ นพ.วรงค์ โดยมีรายละเอียดว่า

ท่านไพบูลย์ไม่รับคำท้าดีเบตคุณหมอวรงค์ โดยให้เหตุผลว่าคุณหมอไม่ใช่นักกฎหมาย ตรรกะแบบนี้มันตลก เพราะยุคสมัยนี้ไม่ควรวัดกันแค่จบอะไรมา ที่จบมาโดยตรงเป็นบ้าก็เยอะ เป็นศรีธนญชัยก็แยะ เอาเปรียบชาวบ้านเป็นอาชญากรก็ไม่น้อย ความเชี่ยวชาญมันอยู่ที่ความสนใจ การใฝ่หาความรู้ ความพากเพียร ขยันอดทน ดีกรีด็อกแด็กมีมากมายที่สู้สติปัญญาชาวนาชาวไร่ก็ยังไม่ได้

ท่านไพบูลย์ลองคิดดู หรือที่ไม่กล้ารับคำท้าเพราะกลัว ความกลัวของคนถ้าไม่ขลาดเขลาเป็นทุนเดิม ก็คงเป็นเพราะเถียงสู้ไม่ได้ หรือไม่มีความจริงใจบริสุทธิ์ใจต่อเรื่องที่เขาสงสัย
ท่านไพบูลย์เป็นบุคคลชวนต้องสงสัยเอามากๆ เพราะสิ่งที่ทำมีนักกฎหมายจำนวนไม่น้อยเขาว่าไม่ถูกต้อง
ถ้าถามแบบคนมีตรรกะพื้นๆ ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา แต่แก้ไปแก้มาตีความเข้าข้างตัวจนแก้ได้ 3 มาตรา แล้วนำไปโหวตจนครบวาระ 3 เสียงส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ส.และส.ว.ไม่มีใครตั้งข้อสังเกต ไม่มีใครไม่เห็นด้วยมันแปลก เหมือนใช้พวกมากลากไป

แล้วพอหมอวรงค์ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรียื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนเพราะถ้านำขึ้นทูลเกล้าฯเลยจะไม่งาม ท่านไพบูลย์ก็รีบออกมาบอกว่าไม่ต้อง
อันนี้สำนวนพวกสองเขาสามกีบเขาจะว่า “ท่านลุแก่อำนาจ” ผมว่ามันตลก
สมมติถ้านายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯจริง ประเด็นนี้มันสำคัญมากๆ พระเจ้าอยู่หัวมีคณะที่ปรึกษากฎหมายหลายคนคือองคมนตรี แล้วถ้าเกิดองคมนตรีตัดสินว่าควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเสียก่อน ท่านนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรใครจะรับผิดชอบ

ท่านไพบูลย์รับผิดชอบไหวหรือ ก็ไม่
เพราะคนที่รับผิดชอบคือท่านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อนในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อาจต้องลาออกตามมารยาท หรือยุบสภา ด้วยความรับผิดชอบ
ท่านไพบูลย์ควรมาดีเบตกับคุณหมอวรงค์เสียเถอะ
ตอนนี้เรื่องมันไปไกลแล้วครับ

ต่อมาทางด้านของ นพ.วรงค์ ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว โดยเปิดประเด็นซัดกลับหลังทราบว่า นายไพบูลย์ ไม่กล้ารับคำท้าดีเบต โดยมีรายละเอียดว่า

#ไพบูลย์ไม่กล้ามา
ผมกล่าวหานายไพบูลย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า “ลักไก่แก้รัฐธรรมนูญ” แต่เขาไม่กล้ามาดีเบตกับผม

ผมขอเฉลยการลักไก่ของเขา
รัฐสภาผ่านวาระแรก หลักการที่รัฐสภาผ่านคือ “แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91”
นายไพบูลย์ อ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 124 ว่า สามารถแก้มาตรา 86 ร่วมได้ เพราะเกี่ยวเนื่องกับหลักการ

ผมจึงขอนำข้อ 124 มาให้อ่านครับ ข้อ 124 วรรค 4 กล่าวว่า
“การแปรญัตติมาตราเพิ่มเติมขึ้นใหม่ หรือตัดทอน หรือแก้ไขมาตราเดิม ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เว้นแต่การแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการนั้น”

การแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการนั้น ในเมื่อหลักการนั้นคือมาตรา 83 และ 91 การที่จะแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่อง ก็ต้องยังอยู่ใน 83 และ 91
แต่นายไพบูลย์ไปลักไก่ บอกว่าหลักการคือแก้ไขบัตรใบเดียวเป็นบัตรสองใบ แล้วจึงเอามาตรา 86 มา ทั้งๆ ที่รัฐสภาส่งมาให้แปรญัตติ มีแค่ 83 กับ 91 เท่านั้น

ผมคิดว่าทางที่ดีท่านนายก ควรต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อความถูกต้องชัดเจน และเป็นการไม่ระคายเคือง เพราะขนาดนายไพบูลย์ยังไม่กล้ามาดีเบต ใช้วิธีการแบบศรีธนญชัย จะปล่อยให้ประเทศไปแบบผิดๆ อย่างนี้หรือครับ