โควิดบุกเมกาสาหัส!!ไบเดนเซ็นคำสั่งบังคับมะกัน 100 ล้านคนฉีดวัคซีน ฝ่ายค้านจวกเผด็จการ

1354

เมื่อวันที่ 9ก.ย.2564 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯแถลงขยายโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศครั้งใหญ่ ลงนามคำสั่งข้อบังคับใหม่อันเข้มงวดด้านการฉีดวัคซีน ซึ่งจะมีผลกับแรงงานหลายสิบล้านชีวิต ในขณะที่ใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นกับบรรดาอเมริกันชนที่ยังคงปฏิเสธฉีดวัคซีน แล้วก็ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทันที ฝ่ายค้านรีพับลิกันโวยวายว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ต่างจากเผด็จการ

ในแผน 6 ประการ ที่เล็งเป้าหมายบังคับใช้กับภาคธุรกิจที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน ถือเป็นมาตรการเชิงรุกที่สุดที่นำมาใช้ในสหรัฐฯจนถึงตอนนี้ ในความพยายามต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก

ปธน.โจ ไบเดนถลงผ่านสถานีโทรทัศน์จากทำเนียบขาวอย่างฉุนเฉียวว่า “คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนล้นโรงพยาบาลของเรา กำลังล้นห้องฉุกเฉินและแผนกไอซียู กำลังไม่เหลือที่ว่างสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ตับอักเสบหรือมะเร็งอีกแล้ว” 

ในมาตรการที่ครอบคลุมที่สุดจนถึงปัจจุบัน เป็นการบังคับริษัทเอกชนทั้งหลายที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน รับประกันว่าพนักงานทั้งหมดต้องฉีดวัคซีนหรือไม่ก็เข้ารับการตรวจเชื้อในทุกสัปดาห์ ซึ่งคาดหมายว่ามาตรการนี้ของรัฐบาลกลางน่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในภาคแรงงานประมาณ 80-100 ล้านคน

 

 

สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกันประณามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในทันที ระบุว่ามันเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกันทวีตลงบัญชีอย่างเป็นทางการวว่า “ข้อบังคับแบบนี้ฟังดูเหมือนเผด็จการเลย” 

นอกจากนี้แล้วในแผนดังกล่าวยังบังคับฉีดวัคซีนลูกจ้างรัฐบาลทุกคน เช่นเดียวกับพนักงานสัญญาจ้าง ปัจจุบัน ลูกจ้างรัฐบาลกลางมี 2 ทางเลือกคือต้องฉีดวัคซีนหรือยื่นผลตรวจเชื้อเป็นประจำ แต่ภายใต้กฎระเบียบใหม่เท่ากับว่าพวกเขามีทางเลือกเพียงอย่างเดียวคือฉีดวัคซีน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขราว 17 ล้านคนตามสถานพยาบาลต่างๆที่ได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการเมดิแคร์ของรัฐบาลก็จะถูกบังคับฉีดวัคซีนเช่นกัน

อย่างไรก็ตามจะมีข้อยกเว้นสำหรับเหตุผลทางศาสนาหรือผู้พิการ แนวทางอันเข้มงวดที่แน่นอนว่าจะผลักไบเดนเข้าสู่เส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนฝ่ายขวาอนุรักษ์นิยมและกลุ่มทรงอิทธิพลอื่นๆที่ชูประเด็นว่าการบังคับฉีดวัคซีนเทียบเท่ากับเป็นการโจมตีเสรีภาพส่วนบุคคล

ผลการวิจัยต่างๆพบว่าชาวอเมริกันราว 80 ล้านคนยังคงไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน ในขณะที่คนเหล่านี้มีแนวโน้มเป็นคนหนุ่มสาว มีการศึกษาน้อยและส่วนใหญ่จะเป็นรีพับลิกัน

จากข้อมูลของ Kaiser Family Foundation พบว่าคนผิวขาวมีสัดส่วนมากที่สุดของกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่คนผิวสีและคนเชื้อสายสเปนมีอัตราเข้ารับวัคซีนน้อยกว่าคนผิวขาว

ความสำเร็จในเบื้องต้นของรัฐบาลในโครงการฉีดวัคซีนและสนับสนุนการสวมหน้ากาก มอบแรงเสริมสำคัญแก่ไบเดนหลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

ที่ผ่านมา ในวันที่ 4 กรกฎาคม ไบเดนถึงขั้นจัดงานเลี้ยงบาร์บิคิวที่ทำเนียบขาว เพื่อฉลองวันชาติสหรัฐฯและเสรีภาพจากการล็อกดาวน์ ทว่าการปรากฏตัวของตัวโควิดกลายพันธุ์เดลตาที่ยากจะหยุดยั้งในช่วงฤดูร้อน ได้ทำให้ห้องไอซียูของโรงพยาบาลต่างๆอัดแน่นไปด้วยคนไข้อีกครั้ง และจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตราวๆ 1,500 คนในแต่ละวัน

อย่างไรก็ตามรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐ โดยเฉพาะในเทกซัสและฟลอริดา ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของรีพับลิกัน ขัดขืนอย่างจริงจัง โดยไม่ยอมออกข้อกำหนดบังคับฉีดวัคซีน ในขณะที่พลเมืองทั้งใน 2 รัฐจำนวนมากยังคงปฏิเสธเข้ารับวัคซีน แม้ว่าผู้ติดเชื้อรอบๆตัวพวกเขาจะเพิ่มขึ้นไม่หยุด

ไบเดนและพวกผู้สนับสนุนต่างโยนบาปการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ระลอกปัจจุบันว่าเป็นเพราะกลุ่มบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเหล่านี้

แต่กระนั้นผลโพลล่าสุดที่จัดทำโดยวอชิงตันโพสต์และเอบีซีนิวส์ พบว่ามีประชาชนวัยผู้ใหญ่เห็นชอบกับแนวทางรับมือโรคระบาดใหญ่ของไบเดน 52% ลดลงจากระดับ 62% ในเดือนมิถุนายน ด้านคะแนนนิยมโดยรวมของไบเดน ก็ลดลงต่ำกว่า 50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี โดยผลสำรวจของวอชิงตันโพสต์และเอบีซีนิวส์ พบว่ามีประชาชนพอใจผลงานของเขาเพียง 44% ลดลงจากระดับ 50% ในเดือนมิถุนายน