จากที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นัดชุมนุม CAR PARK 15 สิงหาคม พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ โดยจะเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบ พร้อมปราศรัยไฮปาร์คนั้น
ส่วนในต่างจังหวัดกำหนดเส้นทางกันเอง ส่วนในกรุงเทพมหานครจะมี 3 เส้นทางไม่ทับซ้อนกัน จะเป็นเส้นทางไหนผ่านถนนเส้นใดบ้าง จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ประชาชนหากไม่สะดวกที่จะออกมาให้รออยู่แถวละแวกบ้าน จะแสดงป้ายแสดงสัญลักษณ์ ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปพร้อมๆกัน
ขณะที่การแสดง การปราศรัยบนเวทีจะมีการถ่ายทอดสด ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดรับสัญญาณสดจากส่วนกลางได้ หรือจะมีเวทีปราศรัยของตัวเองและมีงานศิลปะวัฒนะธรรมจะแสดงในการต่อสู้ก็ได้ เจอกัน ณ จุดหมายทั่วประเทศ 14:00 น. จากนั้นเคลื่อนขบวน 15:00 น. ฟังการปราศรัยฟังเพลง ดูการแสดงกันไปจนถึงเวลา 18:00 น. จะกดแตรยาวเท่าความยาวของเพลงชาติ เพื่อส่งสัญญาณขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่ง
“นี่ไม่ใช่ภารกิจของสีเสื้อ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และชีวิตที่ดีกว่าของประชาชนจากคาร์ม็อบ เป็นคาร์ปาร์ค จนกว่าพล.อ.ประยุทธ์จะคาที่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ขณะที่ นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย แถลงต่อต้านม็อบ 15 สิงหาคม 2564 ที่นำโดยนายณัฐวุฒิ ที่อ้างขับไล่รัฐบาลเผด็จการ แต่พรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้งแล้วเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แท้ที่จริงแล้วมีเบื้องหลังแอบแฝงที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทยที่รักและเคารพ
ทั้งนี้ นายอานนท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนเสื้อแดง อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ที่ออกมาต่อสู้ ต้องติดคุก บ้านแตกสาแหรกขาด ล้มตาย แกนนำแต่ละคนหลบหน้าหนีไปอยู่ไหน มีแต่สร้างความสุขให้กับตนเอง ในขณะที่มวลชนของตนเองลำบาก เดือดร้อนแกนนำบางคนมีบ้านหลังใหญ่ มีรถหลายคัน มีเงินทำธุรกิจจำนวนมาก ที่หลายคนที่ทราบดีว่า “แกนนำสู้แล้วรวย” จากสถานการณ์ตอนนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ด้าน นางนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน หรือ “นิตยานักสู้ปอสี่” ก็ออกมาแถลงคัดค้านการชุมนุมของกลุ่ม “คาร์พาร์ก” ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ที่นำโดยนายณัฐวุฒิ โดยช่วงหนึ่ง เธอได้กล่าวถึงแกนนำนปช.รายนี้ว่า สู้แล้วได้เป็นรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามมีประเด็นที่น่าสนใจเมื่อมักมีการพูดแกนนำเสื้อแดงว่าสู้แล้วรวย ซึ่งนายณัฐวุฒิ เคยเปิดเผยถึงประวัติไว้ใน หนังสือ ชกข้ามรุ่น ซึ่งบันทึกคำให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจนเข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากลำบาก ก่อนที่จะประสบความสำเร็จและร่ำรวยมีเงินสิบล้านขณะอายุยังน้อย???
โดยนายณัฐวุฒิ ลงส.ส.ครั้งแรก พรรคชาติพัฒนา ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 และแพ้คู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์เพียง 4,000 เสียง ต่อมา พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน ลงสมัครส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8 พื้นที่จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 นายณัฐวุฒิได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ในสังกัดพรรคเพื่อไทย จากนั้นให้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สำหรับการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วันที่ 15 มกราคม 2557 นายณัฐวุฒิแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 17,496,006.76 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,377,016.11 บาท ที่ดิน 6 แปลง มูลค่า 8,526,800 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านเลขที่ 337/72 หมู่บ้านเศรษฐสิริ ถนนนนทบุรี แขวงท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี) 1,500,000 บาท รถยนต์ 5,992,990.65 บาท ทรัพย์สินอื่น 100,000 บาท หนี้สิน 5,800,999.76 บาท
นางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา มีทรัพย์สิน 16,045,188.31 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 760,098.31 บาท เงินลงทุน 173,100 บาท ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 14,174,000 บาท รถยนต์ 938,000 บาท หนี้สิน 8,626,731.77 บาท และมีบุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน (เงินฝาก) 128,143.25 บาท
รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 33,669,339.32 บาท หนี้สิน 14,427,721.53 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 19,241,616.79 บาท โดยในการยื่นบัญชีฯครั้งนี้ ทรัพย์สิน“ที่ดิน”ของนายณัฐวุฒิและภรรยาเพิ่มขึ้นจากกรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบ 1 ปี วันที่ 27 ต.ค.56 อีก 2 แปลง จาก 7 แปลง เป็น 9 แปลง รวมเนื้อที่ 35-1-15 ไร่
กระนั้นมีความน่าสนใจจากการเปิดเผยรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายณัฐวุฒิ และครอบครัว หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อ 28 พ.ย.2555 พบว่า นายณัฐวุฒิ และครอบครัว ที่ประกาศตนว่าเป็นไพร่นั้น มีทรัพย์สินมากถึง 24,575,760.42 บาท โดยมีรายได้รวม 2,725,440 บาท รายจ่ายรวม 1,637,808 บาท และหนี้สินรวม 6,679,319 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินถึง 17,942,677.74 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่นายณัฐวุฒิ เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จากการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.2554 ได้ยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2554 พบว่า มีทรัพย์สินรวม 21,864,458.69 บาท เท่ากับว่า 1 ปีที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2,711,301.73 บาทนั่นเอง