พวกเดียวกันนี่เอง!? “เฌอเอม” โผล่ร่วมทีมคณะก้าวหน้า ยื่นรายชื่อแก้รธน. “ธนาธร” ออกตัวคุยโว ยอดทะลุแสนเพียงไม่กี่วัน แต่ความจริงคนละเรื่อง!!

1988

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 นายปิยบุตร แสงกนกกุล สมาชิกคณะก้าวหน้าและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคอนาคตใหม่ , เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ อดีตผู้สมัครประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2020, ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกกลุ่มเรโซลูชัน ยื่นรายชื่อประชาชน 150,921 รายชื่อต่อรัฐสภา เพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยมีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน และพูดคุยกับตัวแทนประชาชนกลุ่มดังกล่าว โพสต์ลงแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า หลังจากนี้รัฐสภาจะบรรจุการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจากภาคประชาชนครั้งนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ที่ผ่านมา โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) เคยรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 100,000 รายชื่อเพื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2563

แต่กลับไม่ได้รับเสียงรองรับจากรัฐสภา พรรคการเมืองหลายพรรคก็มีความพยายามคล้ายกัน แต่พบว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวนมากไม่เห็นด้วย จึงไม่ได้ถูกหยิบมาพิจารณาต่อ แม้พรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะเห็นตรงกันก็ตาม จนทำให้เหลือเพียงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะแก้ไขระบบเลือกตั้งให้ใช้บัตร 2 ใบ คล้ายกับรัฐธรรมนูญ 2540 เท่านั้น ที่ไปต่อได้ แต่ก็ยังต้องลุ้นต่อว่าจะผ่านการพิจารณาในรอบต่อ ๆ ไป จนประกาศใช้ได้ในที่สุดหรือไม่

ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มเรโซลูชัน มีเนื้อหาที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็น การยกเลิก ส.ว. กำหนดนายกรัฐมนตรีเป็น ส.ส. ตั้งองค์กรขึ้นมาตรวจสอบศาล ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีองค์กรตรวจสอบกองทัพ เรื่อยไปถึงการเอาผิดกับผู้รัฐประหารและข้าราชการที่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร

ทั้งนี้ในทวิตเตอร์ของกลุ่ม Re-solution ได้ทวีตข้อความว่า ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่ การอยู่ใต้มรดกของระบอบเผด็จการ ทำให้เราไม่มีอนาคต กว่า 150,000 รายชื่อแสดงให้เห็นว่ามีคนต้องการการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ขอฝากไปถึงรัฐสภา ขอให้รับฟังเสียงของประชาชน เรียกร้องไปถึง ส.ว. ว่าไม่ใช่เรื่องเสื่อมเสียเกียรติที่จะปล่อยมือจากอำนาจ และยังมีการแชร์คำพูดของเฌอเอม ระบุว่า “หลายคนกังวล ว่าจะโดนปัดตกอีกไหม แต่จริง ๆ คือการแสดงพลัง ให้รัฐบาลเห็นว่า เราไม่เคยเรียน และไม่กับหัว ให้อานาจเผด็จการ ถ้าวันนี้เลือกที่จะเฉียบ และไม่ออกมา วันหนึ่งรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ ก็จะคิดไปเองว่าประชาชน ไม่สนใจการเมืองอีกแล้ว”

ส่วนทางด้านนายธนา จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมาขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ #ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ 150,921 รายชื่อ ภายใน 2 สัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าทุกคนอยากมีรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าเดิม แม้ว่ารายชื่อจะครบ เรายังต้องเดินหน้ากดดันสมาชิกรัฐสภาต่อไปด้วยกัน

อย่างไรก็ตามการล่ารายชื่อครั้งนี้ ตามจริงแล้วมีการเปิดแคมเปญตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2564 แต่ไม่ได้รับการตอบรับ มีการลงชื่อหลักหมื่นนิด ๆ จนมาถึงช่วงที่มีม็อบวันที่ 24 มิ.ย. 2564 จึงมีรายชื่อเพิ่มขึ้นถึง 1 แสนชื่อ และเริ่มมีคนทยอยมาลงชื่อ จากตอนแรกกลุ่มของก้าวหน้าและส.ส.ในพรรค ก็ออกอาการโวยกลางสภา ว่ารัฐบาลไม่รอรับร่างนี้ไว้พิจารณา เนื่องจากตอนนั้นชื่อไม่ถึง 50,000 ราย รวมทั้งยังมีกระแสในกลุ่มม็อบ 3 นิ้วที่ต่อว่ากันเอง ว่าเวลาเจอในโซเชียล เรามีพลังเยอะ บางกลุ่มมีสมาชิกกว่า 2.3 ล้านคน แต่พอลงชื่อทำไมถึงน้อยนิด ดังนั้นนายธนาธรอาจจะเข้าใจไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน และดีใจว่าสามารถล่าชื่อหลักแสนได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ที่จริงแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่า 3 เดือนเลยทีเดียว