ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศเตือนในพิธีสวนสนามกองทัพ เนื่องในโอกาสครบรอบ วันสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป เมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมาว่า มหาอำนาจบางประเทศ ยังมีความเชื่อในระบอบนาซีเยอรมนี แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศ แต่ความนัยนี้ย่อมหมายถึง ยูเครน ที่ผู้บริหารประเทศปลุกกระแสคลั่งชาติและยกย่องนิโอนาซีอย่างออกนอกหน้า
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2564 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์, รอยเตอร์และเอพีรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นประธานในพิธีสวนสนามกองทัพ ที่ลานจัตุรัสแดง ในกรุงมอสโก เนื่องในวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) 9 พฤษภาคม ซึ่งปีนี้ครบรอบ 76 ปี กองทัพสหภาพโซเวียต เอาชนะกองทัพนาซีเยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ปธน.ปูตินกล่าวว่าประเทศรัสเซียจะ “มั่นคง” ด้วยการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของรัสเซียและประณามการกลับมาของ“ รัสโซโฟเบีย”หรือลัทธิสตาลินที่ตะวันตกมักชี้นำว่ารัสเซียกำลังทำ และเตือนถึงการฟื้นฟูลัทธินาซีใหม่ที่มีมหาอำนาจบางแห่งสนับสนุน
การสวนสนามกองทัพรัสเซียปีนี้ ลดขนาดลงเล็กน้อย จากแต่ละปีที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยมีทหารจากทุกเหล่าทัพกว่า 12,000 นาย เข้าร่วม นอกจากนั้นยังมีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์รุนใหม่กว่า 190 รายการ รวมถึงระบบยิงขีปนาวุธแบบข้ามทวีป “ยาร์ส”และมีเครื่องบินกองทัพเกือบ 80 ลำ บินฉวัดเฉวียนเหนือท้องฟ้างานพิธี
งานรำลึกวันแห่งชัยชนะของรัสเซียปีนี้ มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดพุ่งสูง ระหว่างรัสเซียกับกลุ่มชาติมหาอำนาจตะวันตก ปูตินกล่าวสุนทรพจน์ในพิธี ตอนหนึ่งว่า มหาอำนาจบางประเทศ พยายามจะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ทรยศและอาชญากร ซึ่งมือเปื้อนเลือดประชาชนผู้รักสันติหลายแสนคน น่าเสียดายที่ยังมีความพยายาม นำลัทธิอุดมการณ์หลงผิดของระบอบนาซี มาใช้ในปัจจุบัน
นอกจากพิธีที่กรุงมอสโกแล้ว กองทัพรัสเซียยังจัดพิธีสวนสนาม ในอีกหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมทั้งที่คาบสมุทรไครเมีย และที่ฐานทัพอากาศเมย์มิมในซีเรีย (Hmeymim) ที่รัสเซียส่งทหารไปประจำการ เพื่อสู้รบกับผู้ก่อการร้ายช่วยกองทัพของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
สงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารและพลเรือนโซเวียต เสียชีวิตรวมกันประมาณ 27 ล้านคน
รัสเซียเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยขบวนพาเหรดครั้งใหญ่ เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ 76 ปีนับจากการยอมจำนนของอาณาจักรไรซ์ ที่สาม( Reich) และการยึดกรุงเบอร์ลินโดยกองทัพโซเวียต ในสายตาของชาวรัสเซียส่วนใหญ่สหภาพโซเวียตสมควรได้รับเครดิตในการปลดปล่อยยุโรปจากลัทธินาซี ท่ามกลางความสูญเสียของกองทหารรัสเซียช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1939-1945
สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ตะวันตกวิพากษ์รัสเซียตลอดมาว่าพยายามฟื้นฟูสหภาพโซเวียตแบบโจเซฟสตาลินผู้นำในช่วงสงคราม ความคิดที่ว่ารัฐรัสเซียกำลังดำเนินการเพื่อฟื้นฟูลัทธิสตาลินนั้นไม่เป็นความจริง และถือเป็นความคิดที่ผิดไม่แพ้กันของฝั่งตะวันตกที่ว่าการระลึกถึงชัยชนะของสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นการเฉลิมฉลองการปราบปรามคอมมิวนิสต์
เปรียบเทียบกับการที่ชาวอังกฤษเฉลิมฉลองบทบาทของประเทศในสงครามโลกครั้งที่สองนั้นพวกเขาไม่ได้ยอมรับการก่ออาชญากรรมของจักรวรรดิอังกฤษ และเมื่อพวกเขายกย่องวินสตันเชอร์ชิลสำหรับความเป็นผู้นำในช่วงสงคราม พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวในแง่มุมที่น่าสงสัยของบุคลิก และอดีตของเชอร์ชิลอย่างเท่าเทียมกันแต่วิพากษ์วิจารณ์แต่รัสเซียฝ่ายเดียว
ในทำนองเดียวกันชาวรัสเซียสามารถแยกความดีออกจากความเลวร้ายในประวัติศาสตร์ร่วมกันของพวกเขาได้ ชัยชนะเหนือลัทธิฟาสซิสต์ในปีค.ศ.1945 หรือ พ.ศ. 2488 มีค่าใช้จ่ายมหาศาลทั้งชีวิตของชาวรัสเซียและกำลังทรัพย์ของประเทศ แต่ก็เป็นความสำเร็จระดับชาติที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ชาวรัสเซียหลายล้านคนจะเลือกที่จะทำเครื่องหมายแห่งความระลึกถึงในโอกาสครบรอบแห่งชัยชนะและการเสียสละของวีรชนของพวกเขา ปธน.ปูตินย้ำว่าวันแห่งชัยชนะเป็นของประชาชนรัสเซียไม่ใช่ของสตาลิน
น่าแปลกที่รัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันเป็นพวกนิยมสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกแต่กลับส่งเสริมลัทธิคลั่งชาติ และสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงที่นิยมนิโอนาซีอย่างโจ่งแจ้ง
ลัทธินิโอนาซี คือลัทธิที่เคลื่อนไหวหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อฟื้นคืนลัทธินาซี ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว สมาชิกกลุ่มคนเหล่านี้มักเป็นกลุ่มคนผิวขาว (คอเคซอยด์) เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีความเชื่อที่ว่าคนผิวขาวเป็นใหญ่เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ สืบมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของนาซี และมักจะใช้สัญลักษณ์เป็นสวัสดิกะเหมือนกับระบอบนาซี