การเจรจาปลดนิวเคลียร์อิหร่านส่อเค้าว่าจะล้มเหลว ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนต้องการรื้อฟื้นข้อตกลงและขยายระยะเวลาเป็น 25 ปีจาก 15 ปี แต่รัฐบาลอิหร่านไม่เพียงแต่ต้องการให้ยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังต้องการรักษาการลงทุนที่สำคัญบางส่วนที่สร้างขึ้นในการสร้างเสริมคุณค่ายูเรเนียมเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สหรัฐและยุโรปตลอดจนอิสราเอลไม่พอใจ
วันที่ 4 ธ.ค.2564 สำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า ทีมเจรจาของชาติตะวันตกที่พยายามรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านปี 2015 กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้มงวดของอิหร่านกำลังเสนอการเปลี่ยนแปลงร่างข้อตกลงจากเดิมที่มีอยู่ซึ่งฝ่ายตะวันตกยอมรับไม่ได้แต่ไม่บอกรายละเอียด
นักการทูตจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีเตือนหลังการประชุม 5 วันในกรุงเวียนนาแต่ไม่มีความคืบหนา เตหะรานไม่เปลี่ยนจุดยืนจึงมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยที่การเจรจาจะประสบผลสำเร็จ การเจรจาถูกระงับเพื่อปรึกษาหารือ ก่อนจะดำเนินการต่อในสัปดาห์หน้า
อิหร่านกล่าวว่าต้องการกลับไปสู่ข้อตกลงปี 2015 หรือที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการในชื่อแผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม Joint Comprehensive Plan of Action หรือ JCPOA แต่ฝ่ายยุโรปกล่าวว่าข้อเสนอของอิหร่านบางส่วนไม่สอดคล้องกับข้อตกลงเดิม
ในขั้นต้น หลังจากที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ดึงสหรัฐฯออกจากข้อตกลง อิหร่านก็ปฏิบัติตามข้อจำกัดของตน โดยหวังว่าผู้ลงนามรายอื่นๆ จะพบวิธีแก้ปัญหา แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เตหะรานหมดความอดทนและเริ่มละเมิดข้อจำกัดของข้อตกลง ตอนนี้มียูเรเนียมเสริมสมรรถนะมากกว่า 2,300 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าที่ตกลงกันไว้ถึง 11 เท่า ขณะนี้อิหร่านกำลังเปลี่ยนก๊าซยูเรเนียมให้เป็นโลหะ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการผลิตระเบิด
ในระหว่างการประชุมนายกรัฐมนตรีนาทาลี เบนเน็ตต์ของอิสราเอล โทรศัพท์สายตรงถึงแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯให้ยกเลิกการเจรจาและให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านให้หนัก
นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลมีความกังวลอย่างยิ่งที่ประเทศมหาอำนาจจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านจะต้องจำกัดการเพิ่มความเข้มข้นของยูเรเนียม
บลิงเคนกล่าวว่า ในไม่ช้า สหรัฐฯ และอิสราเอลจะต้องเผชิญกับคำถามที่จริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ เพื่อควบคุมอิหร่านและให้คำมั่นว่าเตหะรานจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้มีอาวุธนิวเคลียร์ ยุโรปเองก็รู้สึกต้องการพิจารณามาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่รุนแรงกว่านี้เช่นกัน กล่าวคือต้องการให้อิหร่านทำตามที่ตะวันตกต้องการ แต่ยังคงคว่ำบาตรแบบนี้เป็นประเทศไหนก็คงไม่ยินยอม
สัปดาห์ก่อนนี้อะวีฟ โคชาวี (Aviv Kochavi) เสนาธิการกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล บอกกับคณะกรรมการการต่างประเทศและการป้องกันประเทศว่า กองทัพกำลัง “เร่งรัดแผนปฏิบัติการและความพร้อมในการจัดการกับอิหร่านและภัยคุกคามของกองทัพนิวเคลียร์”
อิสราเอลได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในอดีตและลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อชะลอโครงการ โดยทั่วไปแล้วเตหะรานตอบโต้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมนิวเคลียร์ ตัวอย่างเช่น อิหร่านอ้างถึงการระเบิดที่โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียม นาทันซ์( Natanz) ในเดือนเมษายน เป็นแรงจูงใจให้ตัดสินใจเพิ่มสมรรถนะถึง 60 เปอร์เซ็นต์
ในทำนองเดียวกัน การลอบสังหาร โมเซน ฟากรีซาเดห์(Mohsen Fakrizadeh) นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านในเดือนพฤศจิกายน 2020 นำไปสู่การผ่านกฎหมายที่กำหนดให้เร่งกิจกรรมนิวเคลียร์บางอย่าง รวมถึงการเสริมสมรรถนะถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และการละเมิด JCPOA ใหม่
หนี้แค้นยังไม่สะสาง ธงแดงเหนือมัสยิดแห่งชาติยังไม่ปลดลง อิหร่านได้บทเรียนว่ายอมโอนอ่อนแค่ไหน สหรัฐ-อิสราเอลก็ไม่มีวันพอใจ??