หลังจากเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 กลุ่มนักเรียนเลว ได้เผยแพร่ภาพกราฟิก พร้อมข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีใจความว่า
Breaking : โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตตัดสิทธินักเรียนชั้น ม.3 ที่จะเข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ด้วยเหตุผล “ไม่จงรักภักดีชาติ สถาบันฯ” โดยมีผู้คนเข้าไปทักท้วงในเพจของโรงเรียนว่าไม่เหมาะสม แต่บางส่วนกลับถูกโรงเรียนลบคอมเมนต์ออก #นักเรียนเลว
ต่อมาทางด้าน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ทวีตโพสต์ดังกล่าว ผ่านทางทวิตเตอร์ Arunee Kasayanond พร้อมระบุด้วยว่า ” ขัดกับรัฐธรรมนูญ การตัดสิทธิทางการศึกษาด้วย ความคิดเห็นที่แตกต่างไม่สามารถกระทำได้ ลำดับศักดิ์ของกฎหมายมีอยู่ บ้านนี้เมืองนี้กฎกระทรวง ระเบียบโรงเรียนยิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญอย่างนั้นเหรอคะ”
ขณะที่ทางด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าไปพุดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนมัธยมฯชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต กรณีมีบันทึกข้อความแจ้งตัดโควต้านักเรียนชั้น ม.3 ไม่ให้เรียนต่อ ม.4 โดยให้เหตุผล ไม่จงรักภักดีต่อชาติ-สถาบัน
คุณฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวของผมที่อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต และคุณทรงศักดิ์ สวนอักษร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้ลงพื้นที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามข้อเท็จจริงกรณีที่มีบันทึกข้อความจากโรงเรียนดังกล่าว แจ้งว่า กลุ่มบริหารกิจการนักเรียนได้ตัดโควต้าเข้าศึกษาต่อระดับ ม.4 ของนักเรียนคนหนึ่ง โดยหมายเหตุระบุว่า “ไม่จงรักภักดีชาติ สถาบันกษัตริย์”
เบื้องต้นทาง ผอ.และคณะกรรมการโรงเรียนดังกล่าวอ้างว่าติดราชการ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลจะเข้ามาพบเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 19 เมษายน 2564 พร้อมบอกด้วยว่า ในฐานะคนภูเก็ต ผมรู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างยิ่งที่ในจังหวัดบ้านเกิดของผมยังมีความพยายามที่จะบ่อนทำลายอนาคตของประชาชนคนหนึ่งใดคนหนึ่งที่ยังอยู่ในวัยเรียนรู้ ยังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล ด้วยข้อหาที่เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง
ถ้าบ้านเมืองนี้ยังกล้าที่จะตัดตอนโอกาสทางการศึกษาของผู้ที่จะพัฒนาไปเป็นกำลังหลักของชาติเพียงเพราะความเห็นต่าง แล้วเราจะยังคาดหวังกับอนาคตของประเทศได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม มีความคืบหน้า เกี่ยวกับเยาวชนรายนี้ วัย 15 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกทางโรงเรียนตัดสิทธิ์การเข้าเรียนต่อพร้อมระบุเหตุผลว่า ‘ไม่จงรักภักดีชาติ สถาบันกษัตริย์’โดยเยาวชนรายนี้ เล่าว่า ช่วงที่กลุ่มนักเรียนมัธยมทั่วประเทศร่วมกันรณรงค์ใส่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว ตนจึงชักชวนเพื่อน ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียให้ร่วมกันแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน ซึ่งตนคาดว่าน่าจะมีครูเห็นโพสต์ดังกล่าว จึงนำโพสต์นั้นไปแจ้งต่อฝ่ายกิจการนักเรียน แม้จะถูกเพ่งเล็ง ก็ยังเดินหน้ารณรงค์เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของนักเรียน ตนเองเป็นคนชวนเพื่อน ๆ ให้ผูกโบว์ขาวไปโรงเรียน ได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าจะร่วมแจกโบว์ขาวให้เพื่อนนักเรียน แต่ครูได้บอกกับตนว่าห้ามโพสต์เรื่องการเมืองและห้ามแจกโบว์ขาวให้เพื่อนนักเรียน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวขัดต่อคำสั่งของโรงเรียน
โดยคุณครูให้เหตุผลเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมบอกว่าตนเป็นนักเรียนก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบ แต่ไม่ได้มีการตัดคะแนนความประพฤติใด ๆ ส่วนที่ตนโดนหนักกว่าคนอื่น ถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์การเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนเดิมนั้น เป็นเพราะครูมองว่าตนเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมการเมืองในโรงเรียน และยุงยงปลุกปั่นเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ