ส.ต.ท.ลำปาง ถูกออกจากราชการจาบจ้วงสถาบัน ย้อนรอย “อดีตทหาร-ตำรวจ” ต้องคดีม.112 ถูกถอดยศ เรียกคืนเครื่องราชย์ !?!
จากกรณีที่มี สิบตำรวจโท ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง โพสต์ข้อความอันมิบังควรในกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 64 ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 ที่หลบหนีคดีอยู่ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม ทั้งนี้ การโพสต์ข้อความของสิบโทตำรวจรายดังกล่าวถูกประชาชนร้องเรียนพฤติกรรม และให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการ
ต่อมา ทางเพจ สถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ได้ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า “จากกรณีที่มีการโพสต์ สื่อสังคมออนไลน์โดยข้าราชการตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว จึงได้ตรวจสอบและได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อข้าราชการตำรวจนายดังกล่าวแล้ว ขอขอบคุณประชาชนที่กรุณาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หากมีความคืบหน้าจะได้นำเรียนให้ทราบในโอกาสต่อไป”
ล่าสุด ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับค้นที่บ้านพัก ยึดแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และได้เรียกตัวสิบตำรวจโท คนดังกล่าวมาสอบสวน โดยซึ่งสิบตำรวจโทคนดังกล่าวได้ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความอันไม่สมควรดังกล่าวจริง พร้อมกับให้สิบตำรวจโทคนดังกล่าว ออกจากราชการแล้ว
อย่างไรก็ตาม เคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว หากย้อนไปเมื่อวันที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ก็มีกรณีของน.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง นายทหารสัญญาบัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “ผู้พันสู้ ตัวจริง” โดยมีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างรุนแรง และมีคำสั่งให้ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหาร ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยฝ่าฝืนข้อห้าม และมีพฤติกรรมหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อมาก็ได้ถูกถอดยศทหาร และเรียกร้องเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตํารวจและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ข้าราชการตำรวจ 2 นาย เนื่องจากต้องคดีอาญามาตรา 112 คือ
1.พันตํารวจโท ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่นและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือกและจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
2. พันตํารวจเอก ไพโรจน์ โรจนขจร ตั้งแต่วันที่ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่นและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
