จากประเด็นร้อนที่กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมขณะนี้ กรณีเกิดดราม่าอาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ออกมาตอบโต้แทนลูกศิษย์ หลังนักศึกษาถูกเก็บผลงานลงถุงดำ กลายเป็นเรื่องถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลฯ ติดเทรนทวิตเตอร์
โดยในโลกโซเชียลฯ มีการพูดถึงดราม่าคณบดีและผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าไปรื้อเก็บงานศิลปะจัดวางของนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายศพที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวมีเชือกพันธนาการตามร่างกาย (งานศิลปะจัดวาง (installation art)) ของนักศึกษากลุ่มหนึ่งลงในถุงขยะ
ก่อนที่ต่อมา อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามาช่วยพร้อมกับวลีเด็ดที่ปล่อยออกมาใส่ผู้บริหารคณะว่า “ศิลปะไม่เป็นเจ้านายใคร และศิลปะไม่เป็นขี้ข้าใคร” และกล่าวว่า “เป็นอาจารย์เหมือนกันใช่ไหม รักศิลปะไหม รักเคารพในมนุษย์ไหม ศิลปะไม่เป็นเจ้านายใคร และศิลปะไม่เป็นขี้ข้าใคร ขู่เข็ญนักศึกษากี่ทีแล้ว คุกคามการเรียนการสอนหรือเปล่า” ทัศนัย กล่าวกับกลุ่มผู้บริหารซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของประชาคมมอชอ ก่อนที่จะมีการแชร์เรื่องราวดังกล่าว จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ออกแถลงการณ์ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่อง จุดยืนของสมาคมฯ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า
เนื่องด้วยสมาคมฯ ได้รับจดหมายเปิดผนึกร้องเรียนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่ามีการสั่งการจากคณบดี ให้เจ้าหน้าที่ของคณะ ยึดและทิ้งงานศิลปะของนักศึกษาเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างและเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์และนำมาซึ่งการตั้งคำถาม ต่อสิทธิเสรีภาพของศิลปิน ในการสร้างงานศิลปะ
นายกฯ และคณะกรรมการบริหารสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร รู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยของเรา เป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปินที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และเราตระหนักว่า หัวใจและจิตวิญญาณของศิลปิน คือสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเรียกร้องให้คณบดีวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นนักศึกษาเก่า และเคยได้รับรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น โปรดพิจารณาการกระทำของท่าน และเรียกร้องไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ขอยืนหยัดในจุดยืน ที่จะรักษาสิทธิเสรีภาพในการสร้างสรรค์งานของศิลปิน ดุจปณิธานของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่กล่าวว่า “นายต้องเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ก่อน แล้วจึงเรียนศิลปะ”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบว่า มีการเปิดเผยจดหมายเปิดผนึกและข้อเรียกร้องถึง สมาคมนักศึกษาเก่าศิลปากร เรื่อง เรียกร้องให้สมาคมฯ ออกแถลงการต่อกรณี ยึดทำลายงานศิลปะ เซ็นเซอร์งานศิลปะ ที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ ถอดถอนตำแหน่งนักศึกษาเก่าดีเด่นของ รศ.อัศวิณัย์
ทั้งนี้ จากการออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวนั้น มีสมาชิกในกลุ่มสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร หลายคนออกมาแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตำหนิไปที่แถลงการณ์ดังกล่าว ขณะที่สมาชิกบางคนเห็นด้วย จนเกิดการถกเถียงกันขึ้น เช่น สมาชิกบางคนแสดงความเห็นว่า…สมาคม ฯ คะ ศิลปะควรจะยืนอยู่บนความถูกต้องด้วย จะออกแถลงการณ์อะไร ถามสมาชิกหรือยัง เรียกประชุม นับเสียงใครสนับสนุนหรือต่อต้านมั้ย รับไม่ได้นะ ออกไป !!! ทั้งนายก ทั้งกรรมการล่ะ, คนออกแถลงการในนามสมาคมควรเลิกเป็นสามกีบก่อน, เอาชื่อของศิษย์เก่าจำนวนมากไปแสดงแบบนั้นได้ไง ไม่ได้มีการโหวตก่อนนะ ไม่มีสิทธิ์นะ, ถ้าจะออกตัวทางการเมือง อย่าใช้ชื่อสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากรครับ ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเป็นขยะปนเปื้อนครับ ไม่ใช่งานศิลปะ เป็นต้น
จากเหตุนี้ เมื่อลองย้อนกลับไปดูจะพบว่าช่วงวันที่ 10 ตุลาคม 2563 ช่วงที่ม็อบมีการปลุกระดมคนออกมาชุมนุมนั้น สมาคมนักศึกษาเก่า มหาวิทยาลัยศิลปากร แจ้งถึงความเป็นมาของสมาคม และวัตถุประสงค์ รวมทั้งการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลที่จะเข้าร่วมสมาคม ที่ต้องไม่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของชาวศิลปากร เข้ามามีส่วนร่วมหรือเป็นสมาชิก
ขณะที่ทางสมาคมนักษาเก่า มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พฤติกรรมของสมาชิกบางคนและกลุ่มบุคคลที่สมัครในวันที่ 15 กันยายน และอาจมีการพิจารณาให้พ้นสมาชิกภาพด้วย
อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าวข้างต้นนั้น ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตตามมาว่า เหตุใดก่อนหน้านี้ ทางสมาคมนักษาเก่า มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ออกมาปกป้องสถาบันฯ และประกาศไม่สนับสนุนคนก้าวล่วงสถาบันฯ มาวันนี้กลับออกแถลงการดังกล่าวจนเป็นประเด็นดราม่าขึ้น???