มีรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงการณ์ดำเนินคดีกับกลุ่มนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่พร้อมพวกและกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าศาลอาญา ถนนรัชดา วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังพบการกระทำความผิดหลายข้อหาว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลบช.น.ได้แบ่งการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมออกทั้งหมด 6 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1.นายปิยรัฐ กับพวกรวม 18 คน ถูกดำเนินคดีสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำการกระทำผิดอาญาตามภาคสองของประมวลกฎหมายอาญาตมามมาตรา 107-มาตรา366 การมั่วสุมของนายโตโต้พร้อมพวกเป็นการเตรียมการที่จะก่อความสงบไม่เรียบร้อยในบ้านเมืองตามาตรา 215 วรรค1 และวรรค 2 เนื่องจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบการกระทำจับกุมซึ่งหน้าจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้หมายจับ นอกจากนี้ยังผิดมาตรา 210 มาตรา 209 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรคอีกส่วนหนึ่ง ดลุ่มนี้ดำเนินดคี 4 ข้อหา
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับได้และได้หลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าพนักงานในส่วนนี้จะมีความผิด 4 ข้อหาหลักเช่นเดียวกันกับกลุ่มของนายโตโต้ แต่จะมีความผิดตามมารา 190 ตามประมวลกฎหมายอาญาหลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีอาญา มีการปรากฏตัวต่อตำรวจ สน.พหลโยธิน ตำรวจได้รับตัวและปล่อยตัวให้กลับไปก่อนจากนั้นจะทำการพิสูจน์ทราบว่าทั้ง 27 คน เป็นผู้ที่หลบหหนีหรือไม่อย่างไรเมื่อความปรากฎชัดเจนว่าบุคคลที่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นบุคคลที่หลบหนีจริง พนักงานสอบสวนจออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อกล่าวหาเดิมและอีก 1 ข้อหาใหม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้มีผู้ต้องหาบางส่วนยังไม่ได้มาพบตำรวจวันนั้นตำรวจก็จะออกหมายเรียกตัวมาดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
กลุ่มที่ 3 ตามที่ปรากฎภาพและคลิปมีกลุ่มบุคคล กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มการ์ดทุบทำลายรถของทางราชการและชิงตัวผู้ต้องหาทำร้ายเจ้าพนักงานชิงของกลางบางส่วนไปจากการดูแลของเจ้าพนักงานมีความผิดตามมาตรา 191 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา 83 ร่วมกันช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือผู้ถูกควบคุมในอำนาจของพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีอาญาให้หลุดพ้นไปจาการดูแลของเจ้าพนักงาน ส่วนนี้จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาตามมาตรา 191 ถ้าความปรากฏว่าผู้ชุมนุมคนหนึ่งคนใดหรือในกลุ่มนั้นมีหลักฐานโยงไปถึงการทำลายทรัพย์สินและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไปผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138และ 140 ยังมีความผิดอื่นๆเช่นทำให้เสียทรัพย์ของทางราชการอีกส่วนหนึ่งด้วย
กลุ่มที่ 4 ตามที่ปรากฏภาพ มีกลุ่มบุคคลทุบทำลายแนวรั้วของศาลอาญา นำสิ่งต่างๆมาเผารวมทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ บุกรุกสถานที่ราชการศาลอาญาและสำนักงานอัยการสูงสุด ในส่วนนี้จะเป็นความผิดข้อหา บุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืนและความผิดบางส่วนจะเป็นฐานละเมิดอำนาจศาล พนักงานสอบสวนกำลังดูว่าความผิดใดผิดมาตรา 112 คงต้องมีการดำเนินกับกลุ่มผู้ต้องหากับกลุ่มที่ 4
กลุ่มที่ 5 คือกลุ่มผู้ชุมนุมอื่น ๆ อย่างที่เรียนกรุงเทพฯ มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุม โรคห้ามมีการชุมนุมหรือการมั่วสุมในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรค การชักชวนผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย ชักชวรให้มีการชุมนุมหรือเป็นผ้านับสุนให้มีการชุมนุมตลอดจนมาเป็นผู้ชุมนุมหรือผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยทั้งนั้น จะผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรค
กลุ่มที่ 6 เวลา 23.00 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนกำลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ศาลอาญาผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมหน้า สน.พหลโยธิน ได้มีกลุ่มบุคคลได้ใช้ลูกเหล็กหนังสติก อาวุธปืนยิงใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้รรถราขการเสียหาย รถกระบะ 1 คัน รถ 6 ล้อ 1 คัน และรถบัส 3 คัน จากการตรวจพิสูจน์ของ พฐ.ร่องรอยการถูกยิงเชื่อว่าถูกยิงมาจากอาวุธปืน พนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาดำเนินการว่าการกระทำผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานด้วยอีกส่วนหนึ่งหรือไม่อย่างไร
ส่วนมีการนัดชุมนุมเย็นนี้ที่หน้าศาลอาญา หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพและเรือนจำพิเศษธนบุรี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจพื้นที่จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนเพียงพอในการรักษาความสงบเรียบร้อยดูแลไม่ให้การชุมนุมไม่ให้กระทบต่อประชาชนโดยส่วนรวม
พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวเสริมเรื่องทรัพย์สินที่นายโตโต้กล่าวอ้างสูญหายระหว่างการถูกจับกุมว่า จากการตรวจสอบในวันนั้นมีกลุ่มบุคคลมาทำทุบรถของราชการมีการแย่งชิงตัวผู้ต้องหาและแย่งชิงของกลางบางส่วนไป และมีการชิงหรือปล้นทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
ขณะนี้ได้รับรายงานจากตัวคนเจ็บเพิ่งให้การได้เมื่อวานนี้ ตัวคนเจ็บเป็นห่วงทรัพย์บางส่วนซ่อนไว้ใต้เบาะนั่ง พนักงานสวนได้เข้าตรวจค้นรถยนต์พบของกลางของนายโตโต้กล่าวอ้างเรียบร้อยและนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเรียบร้อย หากมีทรัพย์สินของกลางสูญหายต้องตรวจสอบว่าหายไปด้วยเหตุใด ถ้าปรากฏว่าเป็นความบกพร่องของตำรวจก็จะมีการพิจารณาข้อบลกพร่องแต่ถ้าข้อเท็จจริงเป็นการประทุษร้ายผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบ แต่ขณะนี้ทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โทรศัพท์ พระเหลี่ยมทองและสร้ายคอยังไม่ได้คืน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ถ้าออกจาก รพ.แล้วจะมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป