จากกรณีที่ได้มีศิลปินผู้พ่นกราฟฟิตี้ “นาฬิกาหรูประวิตร” และ “เสือดำ” คดีนายเปรมชัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงเพจเฟซบุ๊ก Headache Stencil แฉแม่ยกม็อบชี้เป้าจับ”แอมมี่” และยังลากไส้นักต้มตุ๋นข้างตัวแกนนำ สั่งเด็กก่อความรุนแรง
โดยระบุว่า “ผมต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงนะครับ เนื่องจากตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา มีกระแสข่าวปล่อยว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจ เพื่อจับตัว “เเอมมี่” เพื่อนของผมเอง ซึ่งสำหรับถือเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิตกลบ “ความลับสำคัญ” ที่แอมมี่บังเอิญสงสัยแล้ว ส่งต่อความลับนี้สู้คนนอกวงอย่างผม และพี่ต้อมที่เป็นเพียงเพื่อนร่วมเมามายประสาขี้เมา
ความลับสำคัญที่ว่าคือ “เหตุผล” ที่ทำให้แอมมี่โทรหาผมรัว ๆ กลางดึก แต่ผมไม่ได้รับสายตอนแรก เพราะคิดว่ามันจะชวนไปเมามายยามดึกอีก แต่หลังจากที่ผมไม่ได้รับสาย เมสเสจตามภาพด้านล่างก็โผล่มาทันที
ผมจึงโทรกลับไป แอมมี่ได้เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมถึงเรื่อง “การไม่ไว้ใจคน ๆ หนึ่ง” ซึ่งมามีบทบาทมากขึ้นในการออกคำสั่งในช่วงหลัง ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าคน ๆ นี้คือใคร เพราะสนแต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับมันมากกว่า
น่าสนใจที่คน ๆ นี้เป็นใคร ถึงออกคำสั่งกับทีมงานให้ “ต้องเอาตัวมัน (แอมมี่) มาให้ได้หลังจากแอมมี่หายไปจากรพ. ซึ่งประโยคนี้เอง ที่ทำให้ผมรับไม่ได้ เพราะในวินาทีนั้น เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่พร้อมจะสู้กับสิ่งใด เสียงที่แฝงไปด้วยความสับสนจากการไม่แน่ใจว่าจะถูกคนกันเองหักหลัง สิ่งที่ควรจะทำคือ “ช่วย” ตามความประสงค์ของมัน ไม่ใช่หาทางล็อคตัวผู้ร่วมอุดมการณ์เพื่อส่งให้ตำรวจเพื่อเพียงแค่ “กลัวจะเสียขบวน” จากสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากแอมมี่ถูกตำรวจควบคุมตัวเรียบร้อยแล้ว พี่ต้อมได้เอาภาพหลักฐานภาพหนึ่งที่แอมมี่ได้ให้ทิ้งไว้ลองหาข้อมูลเพิ่ม ก็ได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ คนที่สั่งเด็กให้ไปเอาตัวแอมมี่มาให้ได้ ดันเป็นคนที่มีคดีต้มตุ๋นระดับชาติ แถมคดีนั้นเจ้าของคดีก็เป็นคนนามสกุลเดียวกับ “ไอ้ค้…” ที่พวกเราคุ้นหูกันดีอีกด้วย ช่างบังเอิญจริง ๆ และหลังจากที่เช็คข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็ได้พบกับความอำมหิตกว่าเดิมว่า คน ๆ นี้ได้ออกคำสั่งให้เด็กไปกระทำการก่อความรุนแรง จนเด็กที่ไปทำการถูกติดคุกไปแต่ตัวเองยังลอยนวลสบายใจเฉิบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมยังเลือดเย็นสั่งคนให้เอาตัวเพื่อนกูมาให้ได้อีก
หลังจากที่ผมได้อดทนให้ใจเย็นลง และยังมีความเกรงใจต่อไผ่ และอีกหลาย ๆ คนที่แอมมี่มันรักและห่วง ผมไม่อยากให้ขบวนการนี้เสียหายจากความโง่ของคนไม่กี่คน ที่ไม่รู้โดนอะไรบังตา ถึงเอาคนแบบนี้มาอยู่ข้างตัว ข้างเงินบริจาคประชาชน ผมจึงพยายามใช้ทวิตเตอร์ในการสื่อสารอ้อม ๆ เพื่อให้ทางเจ้าตัวรู้ตัว และหาทางจบเรื่องนี้กันให้ได้ ก่อนที่มันจะพังกันไปหมด
เพราะผมคนนึงล่ะที่อยากรู้แล้วว่าตกลงเงินบริจาคของประชาชนไม่รู้กี่ล้าน ได้ถูกนำไปใช้อย่างไร พูดตรง ๆ นะครับ ไม่เคยสงสัยหรอก และก็ไม่สนใจด้วย ว่าแกนนำจะเอาเงินไปใช้ขับเคลื่อนยังไง แต่พอมีคนที่เป็นนักต้มตุ๋นระดับชาติที่มีคดีพัวพันกับคนสำคัญแบบนี้มาอยู่ข้าง ๆ เงินแบบใกล้ชิดมาก ผมก็ไม่สามารถวางใจได้ครับ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อใครถามหาการแจกแจงบัญชีเงินบริจาคถึงถูกทัวร์ลง
เมื่อวานนี้ ผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่คนสนิท ประสานให้คุยกับแกนนำคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวคนเอาไอ้นักต้มตุ๋นนี่มาอยู่ข้างตัว โดยผู้ใหญ่ที่ประสานแจ้งกับผมว่า “มึงคุยกับมันเถอะ เชื่อกู มันยอมมึงหมดแล้ว” ผมจึงยอมโทรคุยกับทางแกนนำคนนี้
โดยทางแกนนำได้เอ่ยปากขอโทษผมในเรื่องที่มีการสั่งจับตัวแอมมี่ ที่ตอนแรกคิดถึงแต่เรื่องกลัวจะเสียขบวน จนลืมคิดถึงความเป็นพี่น้อง และไม่ได้คิดว่าแอมมี่ทำไปเพราะอะไร ถึงกับใช้คำว่า “พอรู้ว่าป๊าทำไปเพราะอะไร พี่ก็จุก…” ผมบอกเลยครับ ว่าคำนี้บวกกับเสียงสั่นของคนที่ผมคุยอยู่ ทำให้ผมใจอ่อนและยอมช่างแม่งในเรื่องเพื่อนผมไปได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมยืนยันคือเรื่องของไอ้นักต้มตุ๋น ที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีสั่งการให้เด็กสามคนไปยกระดับโง่ ๆ จนติดคุกเพราะคำสั่งชุ่ย ๆ ของไอ้นักต้มตุ๋นคนนี้ โดยทางแกนนำที่คุยกับผมก็บอกว่าจะให้คน ๆ นี้ออกไปจากขบวน ซึ่งผมย้ำแล้วว่าต้องให้มันรับผิดชอบต่อกรณีนั้นด้วย ซึ่งก็ได้รับการรับปาก
เหตุการณ์ดูเหมือนจะจบลงด้วยดีจนกระทั่งค่ำของเมื่อคืน ผมได้รับทราบจากศิลปินดังคนนึงว่า เรื่องที่คุยกันตอนเช้า กลับกลายเป็นผม ที่ไปขอโทษแกนนำคนนั้นซะงั้น (วงการบันเทิงอ่ะเนอะ) ผมบอกตรง ๆ นะครับ ว่ารับไม่ได้กับการตอแหลขนาดนี้ และจากการคุยวันนี้ ก็ดูเหมือนเขาจะเตรียมข้อแก้ตัวพร้อมแล้วล่ะ
ผมคงทำได้แค่อธิบายในส่วนของผมแค่นี้ สิ่งที่ทุเรศที่สุดคือการยัดว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจทั้ง ๆ ที่ตัวเองนั่นแหละ ที่จะเอาเพื่อนกูยัดคุกเพื่อให้ขบวนการรอดไปหาเงินใช้ต่อ ผมเสียความรู้สึกมากเกินกว่าจะรับได้จริง ๆ ครับ
อย่างไรก็ตาม ในโพสต์นี้ได้ทิ้งท้ายคอมเม้นต์ไว้ด้วยว่า อ่อ ลืมใบ้ชื่อหรอ “ท.จรปร.” ซึ่งคาดว่า แม่ยกม็อบที่หมายถึง คือ “ทราย เจริญปุระ” ซึ่งเหตุการณ์วันที่ “แอมมี่” โดนจับ ทราย-อินทิรา เจริญปุระ ได้โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึง แอมมี่ the bottom blues ว่า หลังจากถูกตำรวจจับในข้อหามาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังร่วมกันก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ป๊าโทรมาหาเมื่อกี้ ร้องไห้เลย แล้วการต้องโทรไปบอกข่าวต่อกับแม่ป๊านี่คือ…ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้จะพูดยังไง
แต่จากข้อความร่ายยาวที่มีการออกมาทั้งหมด หากเป็นเรื่องจริง นั่นหมายความว่า ภายในม็อบมีการหักหลังกันเอง และมีการวางแผนกำจัดคนที่ทำให้เสียขบวนการไป แน่นอนว่า แม้พวกม็อบจะบอกว่า กลุ่มของตัวเองออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่แท้จริง ภายในม็อบเต็มไปด้วยผลประโยชน์ อมเงินบริจาค ทะเลาะแย่งชิงอำนาจ ยกระดับความรุนแรง และยังหักหลังคนที่เรียกว่าเพื่อน บางครั้งการโพสต์แสดงความเสียใจ อาลัยอาวรณ์ ก็ดูเหมือนจะเป็นการแสดง
และล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้าน “ทราย เจริญปุระ” แม่ยกม็อบ 3 นิ้ว ได้ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์ข้อความระบุว่า “ทุกวันนี้เวลาทำงาน (ใช่ ยังทำงานอยู่ , ยังมีงานอยู่ กำลังจะเปิดกล้องอีกเรื่อง) จะพูดเสมอว่าเอาตังไปทำม๊อบ ซึ่งที่พูดนั่นก็ไม่ได้พูดเล่น แต่หมายความตามนั้นจริง ๆ ก็ไล่กันมาเรื่อยตั้งแต่แฟลชม็อบ ม็อบมีเวที ไม่มีเวที มีเครื่องเสียง โดนสลาย หน้ากาก เสื้อกันฝน โดนหมาย รับหมาย เป็ดยาง จะนะ แรงงาน บางกลอย โคราช ขอนแก่น พม่า เชียงใหม่ ป้าย ธง สี เหมืองแร่ ทำแคมป์ ส่งข้าว ส่งน้ำ ห้องน้ำ ดูคนเจ็บ คนไม่เจ็บ ทำงานเดินฯลฯ ดูแลจัดการสุดมือสุดกำลัง
ทุก ๆ การสมทบเราไม่เคยใช้เปลืองเปล่า ทุกปลายทางที่ของไปลงคือเห็นได้ชัดเจน ตัวเราก็ไปทำงาน ทำของเราไป ทำตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพราะเรารู้ว่าเรารับเอาความตั้งใจของทุกคนที่เขาฝากมาเอาไว้ที่เรา”
ก็นั่นแหละ บัญชีหมิมเราดูแลคนเดียว คนเดียวจริง ๆ วิธีกระจายงานก็เรื่องนึง แต่ไม่ใช่การกระจายบัญชีแน่ ๆ เรารักน้องทุกคนเท่ากัน พวกเขาเหนื่อยและหนักพอแล้ว เราหวังว่าสิ่งที่เราทำจะช่วยผ่อนอะไรได้บ้าง
รู้ว่าทั้งหมดนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไรกับใครเลย และเอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะพูดอะไร เราคิดของเราง่าย ๆ แค่ว่าเราทำ เราทำอะไรได้จงทำ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อน้องและผู้กล้าทุกคนที่เดินร่วมทาง ขอบคุณรูปจากล.ก.ฮะ