สาวกทรัมป์คลั่งQAnon แพร่ข้อมูลเท็จในโซเชียล?!? สร้างเกลียดชังฝ่ายตรงข้าม ต้นเหตุขัดแย้งรุนแรงพุ่ง!

2283

กลุ่มคนที่คลั่งลัทธิอย่างQAnon ต่างเผยแพร่ข้อมูลที่ปราศจากที่มาที่ไปของทฤษฏีสมคบคิดซึ่ง หลอกลวงคนอเมริกัน ผู้ซึ่งแสวงหาคำตอบง่ายๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวของเขา ทั้งประเด็นการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและแม้การระบาดโควิด-19 ที่หนักหนาสาหัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ไม่คัดค้านกลับทวิตหนุนกลายๆหลายครั้ง  หรือนี่คือไม้ตายชิงบัลลังก์ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดยไม่สนใจว่าสังคมอเมริกันจะต้องสูญเสียอะไรแลกบ้าง

เหล่านักวิเคราะห์มองว่า QAnon คือกลุ่มคลั่งลัทธิดิจิทัล เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อทางศาสนาที่เด่นชัด และมีระบบคิดที่เชื่ออย่างทุ่มเทในตัวประธานาธิปดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นอัศวินผู้ต่อสู้กับปีศาจร้าย

ประเด็นหลักของเรื่อ QAnon คือกลุ่มลัทธิคลั่งทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งปธน.ทรัมป์ได้รับผลในทางบวก เพราะในขั้นสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อน ทั้งๆที่พรรคเดโมแครตและฮิลลารี คลินตันนำมาจนถึงโค้งสุดท้าย  การแพร่ความเชื่อเท็จเรื่อง พรรคเดโมแครตมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าผู้หญิงและเด็กนั้นขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนชั้นสูงทีต่อต้านพระเจ้าบูชาลัทธิซาตาน ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในที่สุด และเรื่องราวเหล่านี้แพร่อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และยูทูบ ซึ่งประชาชนผู้รับสารต่างไม่รู้ว่า  พวกเขาถูกครอบงำโดยพวก QAnon 

“พิซซาเกท” เรื่องอื้อฉาวของเดโมแครต-ฮิลลารี คลินตัน

“พิซซ่าเกท” คือเรื่องที่เกี่ยวกับเฒ่าหัวงู (pedophiles) ในวงการการเมืองของอเมริกา-ผู้เป็นหัวคะแนนของฮิลลารี คลินตัน/เดโมแครต นี่ก็เป็นข่าวลวงที่ผู้คนเชื่อเป็นตุเป็นตะ เพราะเผยแพร่โดย วิกิลีคส์ ที่แสดงข้อมูลว่าพรรคเดโมแครตและฮิลลารี คลินตันมีส่วนกับเครือข่ายค้าเด็ก ใช้ทำเนียบขาวและร้านพิซซาเป็นแหล่งทำธุรกิจชั่วร้าย  กรณีนี้ทำให้เกิดคดีอาชญากรรม มีชายพกปืนไรเฟิลเข้าไปกราดยิงในร้านพิซซา ก่อนจะถูกจับติดคุก แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เรื่องรัฐลึก-เป็นเรื่องโกหกหรือมีมูล

การเผยแพร่ข้อสรุปของกลุ่มQAnon เชื่อว่ามีเครือข่ายเงาของนักการเมืองและข้าราชการร่วมมือกันควบคุมรัฐบาลอยู่เบื้องหลัก ภายใต้การเผยแพร่นี้ข้อสรุปคือ “อีลิทครอบครองและควบคุมโลกอยู่” ซึ่งหลายความคิดเห็นแฟนตาซีของพวกนี้วาดภาพและเชื่อว่ามีระบบที่อยู่เบื้องหลังและมีอิทธิพลกับรัฐบาล ธุรกิจและอุตสาหกรรมบันเทิง

ตัวปธน.ทรัมป์เป็นคนปล่อยข่าวเรื่องนี้ด้วยตนเองหลายครั้ง เช่นล่าสุด ทวีตใช้คำว่า “รัฐลึก, หรือใครบางคน(“deep state, or whoever,” และแม้แต่เรื่อง FDA ซึ่งทรัมป์ทวีตและให้สัมภาษณ์ว่า มีคนใช้อิทธิพลเพื่อให้การทดสอบและเข้าถึงยาต้าน-วัคซีนโควิด-19 ของประชาชนยากขึ้น นานช้าขึ้นกว่าที่ควรเป็น

ที่สำคัญทั้งที่ปราศจากหลักฐานว่ามีกลุ่มบุคคลอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆจริงและเตรียมการทำฝ่าฝืนกฎหมายและขัดขวางประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ยกตัวอย่างเช่น จดหมายจากแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่ส่งมาถึง หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ต่างคัดค้านการที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเช่นนั้นและพยายามปกป้องงานของพวกเขาที่อยู่ในระหว่างการทดสอบค้นคว้า

“เมื่อถึงขั้นตอนการตัดสินใจเพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ ถ้ามันยังไม่มั่นใจว่าปลอดภัยพอ เราจะดำเนินการทุกวิถีทางเสนอต่อผู้มีอำนาจตัดสินใจ โดยไม่มีอคติ” ผู้บริหาร FDA กล่าวผ่านสื่อ

การระบาดโควิด-19 ถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง

เพราะผลกระทบที่รุนแรงและกว้างขวางต่อชีวิตของคนอเมริกัน ไม่เลือกฐานะเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นเป้าหมายแพร่แนวคิดทฤษฎีสมคบคิดผ่านกลุ่มพวกคลั่งลัทธิ QAnon ทั้งนี้ WHO เป็นหน่วยงานที่ได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนและมีการปะทะกันทางความคิดเกี่ยวกับการระบาดโคโรนาไวรัส เป็นเรื่อง “ข้อมูลปลอม: Infodemic”

สมาชิกQAnon บางกลุ่มเผยแพร่ข้อมูลว่าการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธ์ใหม่ โควิด-19 เป็นอาวุธชีวภาพที่พลาดหลุดมาจากแล็ปของเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และเป็นความร่วมสมคบคิดของพรรคเดโมแครตเพื่อทำลายเครดิตปธน.ทรัมป์ ไม่ให้ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง  ทั้งๆที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ต่างพิสูจน์-วิจัยทดสอบแล้วเชื่อว่า มันเกิดโดยธรรมชาติวิสัย ซึ่งสภาวะการณ์ลงตัวและติดเชื้อมาสู่มนุษย์ผ่านสัตว์ เช่นค้างคาวหรือตัวลิน(ตัวกินมดชนิดหนึ่ง) บางการวิจัยยังคงเผยแพร่คำถามและข้อสังเกตุว่าเป็นอุบัติเหตุจากการหลุดแพร่กระจายจากแล็ปในอู่ฮั่น และล่าสุดมีการแพร่ข่าวว่ามีนักวิจัยสาวชาวจีนพร้อมเปิดโปงว่า โควิดหลุดจากแล็ปจีนอีกด้วย

บางกลุ่มนำเสนอข้อมูลเท็จว่า บิลล์ เกตส์และมูลนิธิของพวกเขาวางแผนเรื่องแพร่ระบาดไวรัสสายพันธ์ใหม่มาก่อน และล่าสุดเผยแพร่ข้อมูลที่ว่า การตายจากการระบาดไวรัสสายพันธ์ใหม่โควิด-19 ไม่ได้น่ากลัวไปกว่าโรคภัยอื่นๆ และวาดภาพเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้ชีวิตคนต้องทุกข์ยากลำบาก และเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เขาวางผังเชื่อมโยงให้

ปกป้องลูกหลานของเรา  

แฮชแท็ก#SaveTheChildren หรือบางทีใช้ #SaveOurChildren ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา กล่าวถึงความเลวร้าย และข้อมูลสนับสนุนพิเศษ ซึ่งสนับสนุนให้คนยอมรับเบื้องหลังความคิดปกป้องลูกหลานของพวกเขา  ปัญหาคือข้อมูลเหล่านั้นเผยแพร่เพื่อโฆษณาชวนเชื่อทฤษฎีสมคบคิด QAnon ซึ่งแพร่หลายความเชื่อที่ว่ามีกลุ่มคนเบื้องหลังที่ใช้พลังอำนาจของพวกมันในการขับเคลื่อนเครือข่ายธุรกิจค้ามนุษย์-ค้าเด็ก เป็นแฮชแท็กหลอกลวงที่ไม่เปิดเผยที่มาที่ไป วาดภาพให้เป็นกระแสว่าพวกเขาคือกลุ่มนักมนุษยนิยมที่ไร้กาล

พวกเขาได้รับผลจากการสร้างแรงกระตุ้นด้วยข้อความหรือคำที่กระทบใจของผู้อ่าน เช่นคำว่า “ปกป้องเด็กๆของพวกเรา” และพวกเขาก็จะแชร์เผยแพร่กันไปอย่างกว้างขวางในเครือข่ายโซเชียลโดยไม่รู้หรือไม่สนใจว่า หน่วยงาน FBI มองว่าเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายก่อการร้าย

QAnonสื่อสารด้วยรหัสลับเฉพาะชุมชน

QAnon เริ่มขึ้นอย่างลับๆ บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ใช้ชื่อว่า “Q ผู้กล้าหาญกวาดล้าง” และอ้างฐานะระดับสูงที่สามารถเข้าถึงความลับชั่วร้ายทั้งหลาย คนที่รู้จักกันในนาม  “Q” ยังคงเผยแพร่ข้อความลึกลับที่ผ่านระหัสที่รู้กันในกลุ่มเพื่อแปรเนื้อหาเฉพาะภายในกลุ่มของตนเอง

โดยทั่วไป มีการกล่าวว่าข้อมูลเป็นระหัสลับ ซึ่งเมื่อถอดออกมาแล้วจะได้ข้อมูลลึกที่เกี่ยวกับความลับของโลกที่ดำเนินอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆในชุมชน QAnon มันมักเผยแพร่คำถามก่อนแล้วให้ผู้อ่านค้นคว้าข้อมูลต่อ ประหนึ่งเขาผู้นั้นได้รับ-กินเม็ดยาสีแดง ซึ่งแสดงในภาพยนตร์ “The Matrix” ซึ่งตัวนำแสดงเมื่อกินแล้วจึงเห็นความจริงเบื้องหลังโลกที่ตนอยู่ว่า ถูกครอบงำและบงการโดยใครบางคนหลังกินยาสีแดงนั้น