“หมอวรงค์” จับโป๊ะ สาวไส้ม็อบ จ้างทีมกระจายข่าวโยนผิดให้ตำรวจ เบื้องหลัง “จัดฉากแพทย์อาสา” พล็อตเรื่องคุ้น ๆ “แหวน” คอยบงการ?

3013

หลังจากที่ ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ ออกมาโพสต์เรื่องราวของแพทย์อาสา ที่มีการแชร์ภาพและข้อความว่า “ตำรวจทำร้ายแพทย์อาสา” เรื่องนี้อาจจะมีคดีพลิก เมื่อมีการเปิดหลักฐานใหม่ โดยทีมแพทย์อาสาที่ถูกถ่ายภาพโดยสำนักข่าว Reuter ลงไปนอนแล้วมีตำรวจล้อม (ซึ่งถูกเอาไปตีความว่าโดนตำรวจรุมทำร้าย) จนถูกนำไปปั่นกระแสในโซเชียลอยู่ตอนนี้

แต่พอมาดูคลิปนี้ จะเห็นได้ว่า คน ๆ นั้นลุกขึ้นมาโดยมีตำรวจประคอง และนำมอเตอร์ไซค์ออกจากที่เกิดเหตุ รถล้มแล้วรอการปฐมพยาบาลเดินออกจากที่เกิดเหตุ หรือโดนตำรวจรุมทำร้ายกันแน่?

คลิปที่เห็น ๆ ตอนนี้มี 3 เหตุการณ์

1. ชายใส่เสื้อกั๊กสะท้อนแสง คนในภาพของรอยเตอร์ ที่จากคลิปนี้เหมือนว่าตกลงจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ล้ม แล้วตำรวจมาล้อมไว้ ก่อนจะพยุงออกไปข้างทาง

2. ชายใส่เสื้อกั๊กสะท้อนแสง คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ติดไซเรน ที่พยายามหนีแนวตำรวจ หลังถูกเพื่อนทีมแพทย์ขึ้นรถทิ้งไป โดยระหว่างนั้น มีคนฝั่งม็อบเข้าไปปาข้าวของใส่ทีมแพทย์ที่อยู่ในนั้น จนคนที่ถ่ายคลิปบนรถ ต้องตะโกนให้หยุดปาของใส่พวกเดียวกัน

3. ชายเสื้อเหลืองแขนเสื้อดำ ที่อยู่ในแนวหน้าที่ปาก้อนหินและระเบิด ซึ่งอันนั้นตำรวจตีจริง เพราะคนนี้คือกลุ่มใช้ความรุนแรงที่ปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีสิทธิใช้กำลังปราบ

 

ทั้งนี้ยังมีนักวิชาการวิเคราะห์ว่า ทีมแพทย์อาสา ที่น่าจะอยู่ในบริเวณศาลฏีกา ตัดสินใจถอย ส่วนใหญ่ขึ้นรถออกมา แต่มีคนหนึ่งที่น่าจะขี่มอเตอร์ไซค์มาเอง ขี่ออกมา แต่มอเตอร์ไซค์เสีย หรือสตาร์ตไม่ติด (ในคลิปตอนหลังเหมือนตำรวจจะพูดว่า “แบตหมด”) ตรงนี้จะเริ่มเห็นจากคลิป แต่แพทย์อาสาคนนั้นก็ยังไม่ยอมทิ้งมอเตอร์ไซค์ (คงพยายามจะสตาร์ตให้ติด) ทำให้ตำรวจตามมาทัน ทำให้คนบนรถรีบตะโกนบอกตำรวจว่า นี่เป็นทีมแพทย์ แล้วภาพก็ตัดไป แต่ฟังจากเสียงได้ว่า ตำรวจได้ล้อมจับคนนี้ไว้

และในขณะเดียวกัน เราจะเห็นม็อบคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ไปขว้างอะไรบางอย่างใส่กลุ่มตำรวจที่ล้อมแพทย์อาสาคนนั้นไว้ ทำให้กลุ่มคนบนรถรีบตะโกนบอกว่า อย่าปา ซึ่งมีการตะโกนกันหลายคน และตะโกนอยู่หลายครั้ง แสดงให้เห็นว่ามีการขว้างปาสิ่งของหรือของอันตรายหลายครั้ง


แม้จะไม่เห็นภาพ แต่ฟังจากเสียงแล้วน่าเชื่อได้ว่า ตำรวจไม่ได้ “รุมทำร้าย” แพทย์อาสาคนนั้น เนื่องจากหากมีการรุมทำร้าย คนบนรถจะต้องพูดด่าตำรวจ ห้ามปรามตำรวจไม่ให้ทำ แต่ในคลิปมีเพียงการพูดว่า คน ๆ นี้เป็นหมอ และขอเขาไปเอาตัวมา ซึ่งตอนหลังก็เหมือนจะลงจากรถไปพยายามจะเอาตัวคืนมา และในระหว่างที่มีการประท้วง ก็ยังมีคนขว้างปาสิ่งของไม่เลิก จนคนในรถตะโกนห้าม ตำรวจก็ยังล้อมไว้เพื่อป้องกันชายคนนี้ จนกระทั่งม็อบกระจายไปแล้ว จึงได้ให้ลุกขึ้นมาเพื่อไปสอบสวนต่อไป แต่บังเอิญมีช่างภาพรอยเตอร์ ถ่ายภาพได้ขณะนอนหงายอยู่กับพื้นในวงล้อมตำรวจ จึงดูเหมือนเป็น “ตำรวจกระทืบหมอ”

ด้วยเหตุนี้ ทางด้านหมอวรงค์ เดชวิกรม จึงได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์ดังกล่าว ระบุว่า “#สามนิ้วไปไม่รอด

การที่ม็อบสามนิ้ว พยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง การปั่นกระแสการทำร้ายแพทย์อาสา การออกมาตำหนิการใช้ความรุนแรงของดาราบางคน ของชมรมแพทย์ชนบท สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์

การกระจายข่าวม็อบของสื่อรับจ้างบางกลุ่ม การปั่นhashtag ทำร้ายแพทย์อาสา การยื่นแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคการเมือง การเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่โยงไปสถาบันเบื้องสูง การเสนอหน้าออกมาพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของนายทักษิณ

การขู่กลับมาของม็อบสามนิ้ว ในวันที่ 20 ก.พ. หลังช่วงเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ 16-19 ก.พ.นี้ เหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกัน ภายใต้การเชื่อมโยงกับต่างชาติ

ต้องขอขอบคุณนักข่าวต่างประเทศบางท่าน ที่ยืนบนความถูกต้องเสนอแต่ความจริง เช่น Channel News Asia จากสิงคโปร์ ที่เอาความจริงไปตีแผ่ให้ชาวโลกรับรู้ว่า พวกม็อบเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ไม่ได้ชุมนุมโดยสงบตามปากที่พูด

อยากเตือนพวกสามนิ้วว่า สิ่งที่พยายามกระทำในวันนี้ ประชาชนเขารู้ทันกันทั้งประเทศ เขาเอือมระอากับสิ่งที่เกิด ถ้าไม่ฟังประชาชน ก็ควรจะฟัง Somsak Jeamteerasakul ตัวจริงเสียงจริง ที่บอกว่า ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา”

การออกมาชุมนุมของกลุ่ม 3 นิ้ว ได้กระแสตอบรับมากที่สุดในวันที่ 19 กันยายน 2563 ถือเป็นครั้งที่มีผู้ชุมนุมมาก ก่อนที่ครั้งต่อ ๆ ไป คนจะเริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จึงไม่แปลกใจที่เริ่มเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น หลังจากนี้เราจะเห็นแกนนำขับเคลื่อนม็อบด้วยความรุนแรง เพื่อหวังปลุกระดมคนให้ออกมา แต่แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ย่อมรักชีวิตตัวเอง มวลชนอีกมากที่ไม่เอาด้วย ตอนนี้แกนนำกำลังหลงทาง สับสน หาทางออกไม่เจอ เพราะชุมนุมด้วยความรุนแรงก็ไปต่อไม่รอด มีแต่จะโดนคดีเพิ่ม การ์ดก็แตกคอ แบ่งกลุ่ม และถูกจับได้ว่าจัดฉากเพราะจนมุมในหลักฐานที่ตำรวจเจอ

ทั้งนี้ในส่วนของความรุนแรง คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครั้ง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ได้มียิงกันเสียชีวิตถึง 6 ศพ จนทำให้ แหวน น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสาได้มาเป็นพยานปากเอกในเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวเล่าย้อนเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นฉาก ๆ เมื่อวันที่ได้มาขึ้นปราศรัยกับกลุ่มสามนิ้ว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ณ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ บางเขน

และเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ได้มีรายงานว่า แหวน ณัฎฐธิดา มีวังปลา ผู้ต้องหาคดี ม.112 ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร คดีปาระเบิดบริเวณศาลอาญารัชดา โดยบอกว่าในเหตุการณ์ครั้งนี้ แหวนได้เอาทีมรถพยาบาลมาวิ่งวน เหมือนจะไล่กวาดคน ให้ถอย กับเอารถขยายเสียงมาด่ามวลชน ใครไม่กลับไม่ใช่พวก ไม่รับผิดชอบ โดนโห่ไล่ ด่ากลับจนต้องวางไมค์ อยากให้ฟังน้ำเสียงแหวนดู ไม่มีจิตวิทยา คุมอารมณ์ คนไม่อยู่ ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น ทั้งระเบิด ประทัด ซึ่งก็เป็นการตั้งคำถามว่า แหวนต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามว่า เรื่องแพทย์อาสาใสครั้งนี้ จะเป็นแหวน หรือไม่ ที่อยู่เบื้องหลังจัดหาคนมา และจัดฉากความรุนแรงอย่างกับเขียนบทมารอแล้วว่าอยากจะเห็นภาพไหนในการชุมนุม เพราะทันทีที่ชายคนดังกล่าวล้มลงนอน สำนักข่าวรอยเตอร์สามารถบันทึกภาพไว้ได้ และยังมีคนในม็อบถ่ายรูปไว้ จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นกระแสในโซเชียล โดยฝั่งคณะก้าวหน้า-ก้าวไกลก็รีบออกมาพูดถึงประเด็นนี้ทันที ซึ่งยังไม่ได้มีการตรวจสอบ หรือยืนยันจากเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ แต่กระแสโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายเตรียมการไว้แล้วว่า จะเดินตามบทไหน ใครรับช่วงต่อ ทำงานกันเป็นทีมเพื่อโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่