ชำแหละพฤติกรรม “สามกีบ” ข้อเท็จจริง “ม็อบมีเจ้าของ” จ่ายท่อน้ำเลี้ยง!?

3263

จากกรณีที่ม็อบคณะราษฎร ได้มีการชุมนุมแบบเบิ้มๆหลายต่อหลายครั้ง จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ลำพังแค่ท่อน้ำเลี้ยงม็อบแบบทรายหรือบุ๊ง มีปัญญาสปอนเซอร์งบประมาณการจัดม็อบจำนวนมหาศาลขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่ามีใครเป็นอีแอบคอยอุ้มชูม็อบอยู่ข้างหลังกันแน่!?

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ที่ออกมาแฉเป็นระยะถึง “เจ้าของม็อบ” ตั้งแต่ครั้งที่นายสมบัติ โต้ “เพนกวิน” ถึงกรณีที่เพนกวิน ประกาศกลุ่ม “ราษฎร” ขอประกาศ​ยุติบทบาทของหน่วยงานการ์ดอาสาทั้งหมดในการชุมนุม โดยทางผู้จัดจะจัดทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนและมีทักษะอย่างมืออาชีพมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการชุมนุมต่อไป โยนายสมบัติระบุว่า
“มันไม่ใช่การ์ดมืออาชีพ แต่เป็นการ์ดที่เจ้าของม็อบ บอกให้เพื่อนไปเปิดบริษัทการ์ดรอล่วงหน้าเพื่อรองรับการทำงานที่จะเกิดขึ้น เอออันนี้เข้าท่าดีนะ รักเพื่อน สนับสนุนบริษัทเพื่อน เงินจ้างการ์ดบริษัทเพื่อนก็เข้ากระเป๋าเพื่อน ได้ใจเพื่อน แถมเพื่อนได้เงิน มันเป็นแบบนี้นี่เอง
บางอ้ออออ เกลียดคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย แต่ทำกันเสียเอง #เขาเล่าว่า”

และอีกครั้งเมื่อตอนเหตุการณ์การปะทะกันของการ์ดวีโว่และเจ้าหน้าที่ ที่หน้าสถานทูตเมียนมาโดยนายสมบัติ ได้แชร์ภาพข้อความโพสต์ของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ้งได้แฉคณะก้าวหน้าที่ได้ไปปรากฎตัวแย่งซีนผู้ชุมนุมชาวเมียนมาที่ม็อบหน้าสถานทูตเมียนมา โดยข้อความระบุว่า
“เป็นงานเคลมของก้าวหน้า ขนกันไปทำให้ความชอบทำของเค้าหายหมด ขอให้แม่งติดโควิด คน…อยากมีซีน กูตะหงิดๆใจแล้ว”

“คำถามก่อนนอน ทำไมวีโวใส่ชุดการ์ดไปม็อบได้ แกนนำเคยสั่งการ์ดอาชีวะ การ์ดเสื้อแดงห้ามใส่ไปม็อบ แต่ไม่มีแกนนำคนไหนว่าวีโว่ของอดีตผู้สมัครอนาคตใหม่ ติ่งส้มเหยียดการ์ดก็ไม่วิจารณ์วีโว่เหมือนที่วิจาร์ณการ์ดอาชีวะด้วย ทำไม..”

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และข้อความ

“กูสายปะทะเลยนะ แต่สิ่งที่กูต้องโพสต์ เพราะกูเห็นวันนี้มันคือการเข้าโจมตีตำรวจเพื่อปกป้องธนาธร เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้พาหลบไป ไม่ได้มีใจจะไปช่วยชาวพม่าที่เค้ามาเรียกร้องเรื่องของประเทศเค้าก่อนพวกมึงมาถึงหรอก มาเซ็ตฉากขโมยซีนคนพม่าเค้าที่ตำรวจจัดให้ชุมนุมโดยสงบ จนเค้าต้องหยุดให้พวกมึงปราศัย
โพสต์ให้ตายไปเถอะ เค้าสั่งมาให้โพสต์แค่ว่า ตำรวจสลายการชุมนุมหรอ ภาพข่าวมันฟ้อง กูเห็น สื่อเห็น ข่าวไปถึงไหนแล้ว ในเฟซยังสลายการชุมนุมชาวเมียนมา เลยต้องออกไปช่วย แหม่ เปิดรับข่าวสารจะรู้สังคมด่าไปถึงไหน พวกมึงชอบทำให้ขบวนการพัง ภาพรวมการต่อสู้พัง เพราะอยากได้ซีนให้ไอเอก ยึดติดตัวบุคคล หลักการฉิบหา..หมดแล้ว”

โดยต่อมา นายสมบัติ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า
“วันที่เราบอกว่า ม็อบมีเจ้าของ เขาเล่าว่า พวกติ่งทั้งหลายมาด่ากู ทัวร์ลง จนท่าเต็ม หาว่ากูเพ้อเจ้อ อิจฉา หิวแสง อยากมีบท อย่างนี้ อย่างนั้น
พอมาวันนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่า ม็อบมีเจ้าของจริงๆ และใครเป็นเจ้าของม็อบ
ใจคอจะไม่มาขอบคุณ หรือขอโทษกูกันบ้างเลยหรือที่มาบอก
ใจร้ายฝุดๆ.”

แม้ว่านายสมบัติจะไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นเจ้าของม็อบ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตังข้อสงสัยว่าม็อบต้องมีเจ้าของแน่ๆ เพราะหลายๆครั้งที่มีการจัดการชุมนุมอย่างยิ่งใหญ่ ต้องใช้งบประมาณจากการคาดคะเนหลายล้าน แต่กลุ่มแกนนำผู้ซึ่งเป็นเพียงนักศึกษาอย่างรุ้งเพนกวิน หรือคนว่างงานอย่างนายไมค์ เอาเงินที่ไหนมาจัดได้

อย่างเช่นการชุมนุมใหญ่ “ม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ที่ได้มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่จัดเต็มแสงสีเสียง จนประชาชนท้วงถามถึงคนที่อยู่เบื้องหลังค่าใช้จ่ายทั้งหมด

Image result for ธรรมศาตรจะไม่ทรน

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณเรื่องนายธนาธรเป็นเจ้าของม็อบนั้น ก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นจริงๆหรือไม่ แต่นายธนาธรเองก็ได้ปรากฎตัวในม็อบสำคัญๆหลายครั้ง เช่น
ม็อบ 19 กันยายน 2563 ที่ท้องสนามหลวง โดยนายธนาธร พร้อมทั้งนายนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าได้ปรกฎตัวมนม็อบโดยอ้างว่ามาให้กำลังใจผู้ชุมนุม

ม็อบที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 โดย นายธนาธรได้ไปปรากฎตัวที่บริเวณดังกล่าว โดยเฝ้าดูอยู่ด้านหลังม็อบ และคอยส่งสัญญาณ 3 นิ้ว เป็นระยะ

ม็อบห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 17ตุลาคม 2563 โดยเพจคณะก้าวหน้า ได้เผยแพร่ภาพนายธนาธร เข้าร่วมชุมนุมบริเวณห้าแยกลาดพร้าว โดยระบุว่า เย็นวันนี้ ผมขอออกมาร่วมแสดงพลัง ยืนเคียงข้างกับ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ไม่ใช่ในฐานะแกนนำ แต่ในฐานะพลเมืองที่ห่วงใยอนาคตของบ้านเมืองคนหนึ่ง”

และในการชุมนุม Mob Fest 14 พฤศจิการยน 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายธนาธร พร้อมครอบครัว ได้ปรากฏตัวในการชุมนุม

อย่างก็ตาม จากการปรากฎตัวหลายครั้งของนายธนาธรและเงื่อนงำของคนที่อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนเงินจำนวนมหาศาลในการจัดม็อบจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร และใครเป็น “เจ้าของม็อบ” นั้น ก็คงต้องรอดูกันต่อไป!!