ดร.กิตติธัช ชี้ การเล่น “การเมืองที่สกปรก” คือการลากวงการแพทย์เข้ามาเกี่ยว ด้านนายกฯ ลั่น อย่าดึงวัคซีนมาเกี่ยวข้องกับการเมือง!?!
จากกรณีของสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ทางกลุ่มคณะราษฎรที่ออกมาเคลื่อนไหว โจมตีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับคนไทย โดยโจมตีว่า เป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากการผลิตวัคซีนในครั้งนี้
โดยก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ได้ออกมาโจมตีสยามไบโอไซเอนซ์ โดยไลฟ์สดในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทานฯ : ใครได้-ใครเสีย?” เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่าด้วยการจัดหาและผลิตวัคซีนโควิดในประเทศไทย ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง และทำไมรัฐบาลถึงจัดหาวัคซีนได้ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม ซึ่งจากกรณีนี้ก็ได้มีเหล่าแกนนำกลุ่มคณะราษฎรได้ใช้เรื่องวัคซีนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาล
ซึ่งวันนี้ (25 มกราคม 2564) ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเคลื่อนไหว โดยมีการนัดชุมนุมที่หน้าตึกศรีจุลทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัทสยบามไบโอไซเอนซ์ด้วย
ล่าสุดทางด้าน ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีกลุ่มคนที่หวังจะโจมตีสถาบันระมหากษัตริย์และโจมตีรัฐบาล ได้ลากวงการแพทย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมองว่าเป็นการเล่นการเมืองที่สกปรกที่สุด โดยระบุข้อความว่า
การเล่น “การเมืองสกปรก” ที่ลากวงการแพทย์และเรื่องที่เกี่ยวความปลอดภัยในชีวิตของผู้คนมาเป็นประเด็นในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เราเห็นตัวอย่างแล้วจากในอเมริกา ที่ทรัมป์และเครือข่ายใช้เรื่องสาธารณสุข การใส่หน้ากาก มาปั่นกระแสโจมตีฝ่ายตรงข้ามในโลกออนไลน์
จนทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่ยอมใส่หน้ากาก โดยอ้างเสรีภาพ และรังเกียจวัคซีนเพราะเชื่อว่ามีทุนใหญ่ครอบงำและบงการเบื้องหลัง (บิลเกตตกเป็นเหยื่อการป้ายสี)
#เป็นกำลังใจให้บุคลากรวงการแพทย์ครับ
ในขณะเดียวกัน ทางด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่างการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงกรณีแนวร่วมกลุ่มราษฏร 63 นัดชุมนุมที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เพื่อทวงถามความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ ว่า ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะมีการชุมนุม ซึ่งการใช้วัคซีนนั้น รัฐบาลก็ได้ระมัดระวังผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนมากที่สุด และขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลาหรือไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้
และย้ำว่า ไม่อยากให้วัคซีนโควิดถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องอันตราย รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ ตามมาตรฐาน และตามหลักการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องมีความชัดเจน อีกทั้งประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้คิดค้น และไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด แต่เป็นเพียง 1 ในห่วงโซ่ของการผลิต ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า และเหตุผลที่จะต้องมีโรงงานในการผลิตวัคซีน เพราะต้องรับจ้างผลิต เป็นเรื่องของการดำเนินการทางธุรกิจ
ขอให้นักการเมืองระมัดระวังการแสดงความเห็นเรื่องวัคซีน และอย่านำเรื่องวัคซีนมาเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้การเจราจาตกลงกับบริษัทที่ผลิตวัคชีน ก็เดินหน้าไปได้ด้วยดี หากยังมีการโจมตีกันไปมาอยู่ ก็จะเกิดความหวาดระแวง เพราะหากเกิดปัญหาแล้ว จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ ในการได้รับการฉีดวัคชีนตามไทม์ไลน์ที่บริษัทกำหนด และหากเกิดความเสียหายทุกคนที่ออกมาวิพากวิจารณ์ก็ต้องรับผิดชอบด้วย