ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมนักการทูตรัสเซียเต็มคณะ เขาได้สรุปประเด็นหลักที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในเวทีระหว่างประเทศ โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีนและความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงกับสหรัฐและตะวันตก ซึ่งรัสเซียยังต้องหนักแน่นและเปิดช่องทางการเจรจาต่อไป
วันที่ 18 พ.ย.2564 สำนักข่าวรอยเตอร์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวสุนทรพจน์ระบุว่าสหรัฐและชาติตะวันตกไม่สนใจคำเตือนของรัสเซียว่าอย่าข้าม “เส้นสีแดง” และกล่าวว่าพันธมิตร NATO ได้ทำลายกลไกทั้งหมดสำหรับการเจรจากับมอสโกวไปแล้ว
ปูตินยังกล่าวถึงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ว่า “ไม่น่าพอใจมีการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่รัสเซียยังคงเปิดการเจรจากับวอชิงตันได้”
ความสัมพันธ์ที่แย่ลงระหว่างรัสเซียและตะวันตกนั้นอยู่ในระดับสูง เมื่อเร็วๆนี้กองกำลังของ NATO ได้เข้าประจำการรอบพรมแดนรัสเซีย รวมทั้งในภูมิภาคทะเลดำ และมอสโกเรียกว่า”เป็นการกระทำยั่วยุที่โจ่งแจ้ง”
ปูตินกล่าวว่า ‘ตะวันตกไม่ใช่พันธมิตรที่น่าเชื่อถือเลย’ ทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนีหนุนความพยายามของยูเครนในการทำลายสนธิสัญญามินสค์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อยุติสงครามในยูเครนตะวันออก ปารีสและเบอร์ลินได้คว่ำแผนสันติภาพของรัสเซียสำหรับดินแดนดอนบาสเขตพิพาทอย่างอคติและเดินตามวาระวอชิงตัน
ปธน.รัสเซียกล่าวว่า รัสเซียกำลังติดต่อกับคู่ค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ พวกเขาเดินออกจากข้อตกลงที่มีต่อกันก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ว่าจะยากแค่ไหน รัสเซียก็ต้องทำใจเพราะไม่ต้องการความขัดแย้งใด ๆ ในพรมแดนของประเทศ และกล่าวว่ารัสเซียยังจำเป็นต้องผลักดัน ให้มีการค้ำประกันระยะยาวอย่างจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่ารัสเซียมีความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่รอบประเทศอย่างแท้จริง
ปูตินกล่าวถึง ความพยายามผลักดันตอกลิ่มความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและจีนจะไม่เป็นผลสำเร็จ รัสเซียจะยังคงสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับประเทศจีน “เพื่อนบ้านและมิตรสหายที่ดีและไว้วางใจได้ของเรา”
ประธานาธิบดีรัสเซียเรียกสายสัมพันธ์ระหว่างมอสโกวและปักกิ่งว่าเป็น “แบบอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21”
สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกพยายามอย่างเปิดเผยที่จะผลักดันให้เกิดช่องว่างระหว่างมอสโกวและปักกิ่ง รัสเซียตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และจะขยายขอบเขตทางการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนการดำเนินการในเวทีโลกอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ปธน.ปูติน กล่าวถึงการขยายตัวของ NATO ประชิดชายแดนรัสเซียได้ทำลายความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานไปสิ้น โดย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มอสโกได้ระงับความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยตรงทั้งหมดกับ NATO เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่NATOขับนักการทูตรัสเซีย 8 คน โดยกล่าวหาว่า”เป็นสายลับ”
ในสุนทรพจน์ของปธน.แห่งรัสเซีย กล่าวถึงการเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ ที่ได้จัดการประชุมสุดยอดระหว่างปูตินและประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอเมริกาให้ดีขึ้นแต่อย่างใด ในประเด็นระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติหลายๆ ประเด็น ความสนใจ การประเมิน ของรัสเซียและสหรัฐบางครั้งแตกต่างกันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังต้องการย้ำสิ่งนี้ว่า รัสเซียเปิดกว้างสำหรับการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนการเจรจาที่สร้างสรรค์ต่อไป
ล่าสุด ปธน.ปูตินกล่าวถึง “วิกฤตผู้อพยพชายแดนเบลารุสและโปแลนด์ถูกใช้เพื่อกดดันรัสเซีย”
วิกฤตผู้อพยพที่กำลังดำเนินอยู่บริเวณชายแดนเบลารุส-โปแลนด์ ทำให้เกิดกระแสข้อกล่าวหามากมายต่อรัสเซียที่มาจากตะวันตก กล่าวหาว่าเป็นการทำสงครามลูกผสมของรัสเซียกับสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ตาม ตะวันตกไม่สนใจปัญหาด้านมนุษยธรรมของวิกฤตการณ์ โดยมีคนหลายร้อยคนที่ติดอยู่ในป่าท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด และเย็นชาในการดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ประเทศตะวันตกกำลังใช้วิกฤตการอพยพที่ชายแดนเบลารุส – โปแลนด์เป็นข้ออ้างใหม่สำหรับสร้างความตึงเครียดในภูมิภาคที่พุ่งเป้ามาที่รัสเซีย ใช้การเมืองระหว่างประเทศกดดันและในขณะเดียวกันก็ละเลยภาระหน้าที่ของตนในด้านมนุษยธรรมต่อเพื่อนมนุษย์
รัสเซียตกเป็นเป้าของการคว่ำบาตรหลายครั้งโดยสหรัฐฯและพันธมิตร เจ้าหน้าที่ตะวันตกและสื่อตะวันตกจะวาดภาพว่า“รัสเซียทำไม่ดีและถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น” ประเด็นนี้ ปธน.ปูตินกล่าวชัดเจนว่า ข้อเท็จจริงนั้นรัสเซียไม่ได้โดดเดี่ยว ทั้งยังมีบทบาทในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นจะยังคงเข้าร่วมในเชิงรุก ในความพยายามระหว่างประเทศต่อไป เพื่อรับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ รวมถึงการก่อการร้ายและอาชญากรรมระหว่างประเทศ การเพิ่มจำนวนอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมอย่างไม่ท้อถอย