ที่ศาลอาญาพระโขนง ถ.สรรพาวุธ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ 4915/2559 ที่นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด
นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ กับพวก และพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
กรณีเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 นายชูวงษ์ วัย 50 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเลกซัสสีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กทม. ชนต้นไม้ มี พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย เป็นคนขับ มีนายชูวงษ์นั่งข้างๆ โดยชนต้นไม้ริม ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เป็นเหตุให้นายชูวงษ์ ถึงแก่ความตาย ซึ่งโจทก์มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แต่ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การปฏิเสธอ้างเป็นอุบัติเหตุ
วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาให้ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย ฟังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังตัวจำเลยที่เรือนจำ ซึ่งจำเลยถูกจำคุกในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์และคดีอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษา ขณะที่บรรยากาศในวันนี้ มีนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์, อัยการและทนายความโจทก์, นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยา และ นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชายของ พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมทีมทนายความเดินทางมาศาล โดยศาลอนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพภายในห้องพิจารณาคดีก่อนเริ่มอ่านคำพิพากษาได้
ต่อมาศาลขึ้นนั่งบัลลังค์ ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง บรรยายพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยละเอียด เกี่ยวกับพยานหลักฐานโจทก์ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด พยานผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อม ที่พิสูจน์ได้ว่าการกระทำของจำเลยมีพิรุธ นายชูวงษ์ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่ถูกจำเลยร่วมกับผู้อื่นฆ่าตาย และจำเลยไม่มีความสำนึก จึงไม่มีเหตุปราณี พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ให้ประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์หลายสมัย พร้อมพวกรวม 3 คน ถูกเข้าจับกุม หลังพบว่ามีส่วนพัวพันฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายของผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่รับผิดชอบคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน
โดย 1 ใน 3 ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพว่าได้ฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษา ก่อนเผาอำพรางศพในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้ คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสองฝ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนัดฟังคำพิพากษา กระทั่งมีการฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษา
โดย พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมด้วยนายชูวงษ์ ได้ขับรถยนต์เลกซัส สีดำ โดย พ.ต.ท.บรรยินเป็นคนขับ เมื่อถึงฝั่งตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ รถเกิดเสียหลักไปชนกับต้นไม้ข้างทางทำให้เสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตทันที
เมื่อตรวจสอบเอกสารที่ส่งมาถึงผู้ตายทำให้ทราบว่าก่อนเกิดเหตุในระยะเวลา 10 วัน ทางบริษัทหลักทรัพย์แจ้งว่าผู้ตายได้โอนหุ้นในนามของผู้ตายเข้าไปไว้ในบัญชีหุ้นของคนที่มีความสนิทกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน
ต่อมาเรื่องได้ถูกส่งมาให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าไปคลี่คลายคดี โดยตำรวจได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยขั้นแรกให้ดำเนินการในกรณีโอนหุ้นของนายชูวงษ์กว่า 300 ล้านบาทก่อนว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง
จนพบว่าเรื่องนี้มี พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องสงสัยของครอบครัวตั้งแต่แรก เมื่อตำรวจพบว่าเขาได้ใช้ปากการุ่นพิเศษที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น สามารถเขียนและลบได้ ปลอมลายเซ็นของนายชูวงษ์ โอนหุ้นจำนวนดังกล่าวไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ กระทั่งศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในเดือน สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร ซึ่งคดีนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามและปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ต่อมา ตำรวจ จับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ฃ หลังพบหลักฐานระบุว่ามีส่วนพัวพันฆ่าอำพรางนายชูวงษ์
จากนั้นพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สรุปสำนวนคดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์เสร็จสิ้น แต่สำนักงานอัยการกรุงเทพใต้สั่งไม่ฟ้อง สำนวนจึงตีกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เห็นแย้ง เนื่องจากหากคดีโอนหุ้นถูกสั่งไม่ฟ้องจะกระทบต่อคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ จึงเสนออัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดจนมีการสั่งฟ้อง ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้ดำเนินการสืบพยานโจทก์-จำเลยทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระทั่งมีการฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษาในคดีดังกล่าวเสียก่อน