อัษฎางค์ หวดเขาหัก เปิดเหตุผลที่ต้องมี “โครงการพระราชดำริ” แม้ว่าจะมี “รัฐบาล” แล้วก็ตาม!!

2365

อัษฎางค์ เบิกเนตร ไทยมีรัฐบาลแล้ว ทำไมยังต้องมีโครงการในพระราชดำริของในหลวง หลัง สาวกปลดแอก โหนโจมตีโครงการหลวง

จากกรณีที่มีการแชร์อย่างมากมายในโซเชียลฯ เมื่อ “พิมรี่พาย” แม่ค้าสาวขายของออนไลน์ ทั้งยังเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดัง ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านแม่เกิบ ตั้งอยู่ที่ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำข้าวของต่าง ๆ ไปมอบให้เด็ก ๆ และคนในหมู่บ้าน ในวันเด็กปี 2564 โดย พิมรี่พายใช้เงินทั้งหมดประมาณ 5 แสนกว่าบาท ทำโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า พร้อมกับซื้อทีวี เครื่องอุปโภคบริโภค รองเท้าให้เด็ก อุปกรณ์สร้างแปลงผักเพื่อให้ชาวบ้าน โดยเธอบอกว่ายอมจ่ายเดี๋ยวจะกลับไปขายของหารายได้เอง

โดยวันที่ทำกิจกรรมดังกล่าวนั้น มีครูเจตน์ สทธิคุณ เป็นครูประจำที่สอนอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ และได้เล่าว่าที่หมู่บ้านเด็กประมาณ 40 คน เด็กไม่มีความฝันเพราะมองภาพอะไรไม่ออก ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครเรียนจบ ม.ต้นเลยสักคน พวกเขาจินตนาการไม่ออกว่า ถ้าได้เรียนต่อแล้วมันจะเป็นยังไงต่อ ที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีทีวีที่สามารถเผยแพร่ให้เด็ก ๆ ดูได้ และการมาทำกิจกรรมของพิมรี่พายในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโลกให้เด็ก ๆ

ต่อมา เรื่องราวดังกล่าวเกิดดราม่าขึ้นจนได้ เมื่อในโลกโซเชียลฯ และก็มีสาวกกลุ่มปลดแอก โหนการทำจิตอาสาของพิมรี่พายไปเปรียบเทียบ เพื่อโจมตีโครงการพระราชดำริของในหลวง ร.9 ที่ทำให้ชาวเขา โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Beam Akapol ที่โพสต์ข้อความถึงกรณีของพิมรี่พาย โดยระบุข้อความว่า

“พิมรี่พายขึ้นดอยครั้งเดียวเด็กมีไฟฟ้าใช้ แต่…ขึ้นดอยมา 70 ปี ….//ไม่พูดดีกว่า”

นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีที่พิมรี่พายขึ้นไปบนดอยเพื่อทำกิจกรรมในวันเด็ก โดยระบุข้อความว่า

“ถ้ามันดี ทำไมพิมรี่พายยังต้องขึ้นดอย”

ซึ่งทางพิมรี่พายก็ได้ออกมาไลฟ์สดเปิดใจถึงกรณีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า ตนยึดหลักกตัญญูต่อแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน มั่นใจว่าไม่ได้ทำความผิด อยากทำความดี มองโลกใหม่ ไม่ทำคอนเทนต์บ้าๆบอๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว อยากทำความดีสู่สังคม ตนผิดอะไร ถ้าจะผิดโทษตัวเอง กราบขอโทษทุกท่าน เรื่องนี้ผิดที่ตนบกพร่อง ไม่ได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ล่วงหน้า ขออภัยจริงๆ ส่วนท่านใดที่มีความเห็นต่างไปในเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตบอกตรงนี้ให้ลูกค้าหรือคนดูคลิปมองถึงเจตนาของตนเอง แค่อยากทำความดี ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่ามั่นใจว่าตนทำความดี ไม่ได้มีเจตนาอะไรที่ไม่ดี ตนไม่หวั่นไหวต่อการทำความดีแน่นอน และจะผลิตคอนเท็นต์ดีๆ ช่วยเหลือคนต่อไป

“อีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้เลย จะดราม่าอะไรกันนักหนา เอากูไปโยงทำไม เอากูไปเป็นเครื่องมือความสนุกของพวกมึงทะเลาะกัน โยงอะไรกันนักหนา”

ล่าสุดทางด้าน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีที่ ไทยมีรัฐบาลแล้วทำไมยังต้องมีโครงการในพระราชดำริของในหลวง โดยระบุข้อความว่า

“โครงการหลวง” กับดราม่าพิมรี่พาย
และคำถามว่า เมืองไทยมีรัฐบาลแล้วทำไมยังต้องมีโครงการในพระราชดำริของในหลวง?
(ตอนที่ 1 ฉบับย่อ)
คนยุค 5G หลงว่าปลดแอกด้วยคำว่าเบิกเนตร ทั้งที่โดนแหกตา น่าสมเพช
พิมรี่พายขึ้นดอยไม่กี่ครั้ง เด็กๆมีไฟใช้ มีมีวีดู แต่พ่อขึ้นไปไม่รู้กี่ครั้ว แต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากรูปสวยๆ
คนที่ขึ้นกระทู้แบบนี้ เดาได้ 2 อย่าง คือ
1) ตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริงและให้ร้ายป้ายสีในหลวง สมควรโดนคดี ม.112 อย่างยิ่ง
2) เป็นเด็กยุค 5G ที่มีทั้งเทคโนโลยีและการศึกษา แต่หูตาแคบ และไม่ได้ทันสมัยและหูตากว้างไกลอย่างที่ลำพองตัว จึงไม่รู้ความจริงว่า
ไม่ได้มีรูปสวยๆ ของในหลวง ร.9 มีแต่รูปที่ทรงงานช่วยให้ชาวเขา ให้หลุดพ้นจากความลำบากยากจน จนสำเร็จมานานก่อนพิมรี่พายเกิด และก่อนไอ้ควายหลังเขา 5G คนที่เขียนข้อความนี้เกิดมารกแผ่นดิน
สิ่งที่พิมรี่พาย ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ ก็เป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญ การทำดี มากหรือน้อยแค่ไหน ก็ถือเป็นความดีที่น่ายกย่อง
แต่ดราม่าที่ว่าพิมรี่พายขึ้นเขาแล้วเด็กมีไฟฟ้าและทีวี แค่ 2 เรื่องแค่นี้เอาไปเทียบอะไรกับโครงการหลวงของในหลวง ร.9
ที่พลิกแผ่นดินชาวเขาจากความกันดารและยากจน ที่ห่างไกลจากความเจริญ สู่ความมีอยู่มีกินอย่างยั่งยืนมาถึงปัจจุบัน
คำถามว่า เมืองไทยมีรัฐบาลแล้วทำไมยังต้องมีโครงการในพระราชดำริของในหลวง?
คำตอบคือ
1) รัฐบาลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีกำลัง(ทั้งกำลังคนและกำลังเงิน) ไม่พอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัญหาในเมืองไทย
2) นักการเมืองไม่ได้มีความกระตือรือร้น และความจริงใจ ในการขจัดทุกข์บำรุงสุขราษฏร แต่เป้าหมายหลักของนักการเมืองคือการรักษาอำนาจทางการเมืองเอาไว้ เพราะฉะนั้นความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้นักการเมืองอยู่ในอำนาจได้ต่อไป จึงมักอยู่นอกสายตาของนักการเมืองตลอดไป
3) ข้อสำคัญที่สุดที่โครงการในพระราชดำริประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นั้นมีสาเหตุหลักคือ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่รัก เคารพ บูชาของคนไทย ดังนั้น เมื่อในหลวงทรงมีพระราชดำริจะทำโครงการใดๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาชน รวมไปถึงนานาชาติ จะพร้อมใจกันสนับสนุนโครงการนั้นๆ
โครงการในพระราชดำริ จึงมักทำสำเร็จอย่างรวดเร็ว ผิดกับโครงการของรัฐบาลที่ล่าช้าหรือไม่สำเร็จ เพราะสาเหตุหลัก ได้แก่ ขาดเงิน ขาดผู้สนับสนุน ขาดความเอาจริงเอาจัง ขาดความจริงใจ และที่สำคัญมีนักการเมืองและข้าราชการ รวมไปถึงประชาชนร่วมหัวกันคอรัปชั่น
คนแก่หัวหงอกหัวดำที่มักสร้างดราม่าเรื่องโครงการในพระราชดำริ คือผู้มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงการมุ่งร้ายชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ส่วนเด็กเมื่อวานซืนทั้งหลาย ที่หลงตัวว่ามีการศึกษาและล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี แต่กลับติดกับดักตื้นๆ ของคนแก่หัวหงอกหัวดำที่ล้าสมัยกว่าตนนั้น ควรยอมรับเสียดีกว่าว่า “โง่กว่าคนที่โง่กว่า “ ทั้งที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า