“ไมค์ ภาณุพงศ์” รีทวีตข้อความจาบจ้วงฯ “เน็ตไอดอลดัง” เหน็บโครงการพระราชดำริ ด้อยพัฒนา!?!

13835

หลังจากที่พิมรี่พาย ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ได้เดินทางไปที่ หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆ

โดยทุ่มเงินของตัวเองกว่า 5 แสนบาท ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และซื้ออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาส

ซึ่งเหล่าคนที่มีอุดมการณ์ล้มล้างสถาบันได้ นำประเด็นดังกล่าวมาดจมตีเหน็บแนมจาบจ้วงพาดพิงไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วยถ้อยคำรุนแรงขาดการใช้สติปัญญาไตร่ตรอง
โดยเริ่มจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Beam Akapol ที่โพสต์ข้อความถึงกรณีของพิมรี่พาย โดยระบุข้อความว่า
“พิมรี่พายขึ้นดอยครั้งเดียวเด็กมีไฟฟ้าใช้ แต่…ขึ้นดอยมา 70 ปี ….//ไม่พูดดีกว่า”

ซึ่งทำให้เกิดกระแสสังคมตีกลับ โพสต์ดังกล่าวมากมาย โดยไปในลักษณะโจมตีและแสดงความไม่เห็นด้วยถึงการใช้คำเหน็บแนมส่อเสียดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 64 นายธรรณพ แสงโอสถ หรือ ฟลุ๊คกะล่อน เน็ตไอดอลชื่อดัง ได้ทวีตข้อความผ่านทวีตเตอร์ระบุว่า
“ยิ่งพูดยิ่งโมโห เห็นขึ้นไปจับมือคุกเข่ากับดินกับโคลนให้ช่างภาพ แชะ 123 แค่นั้น ไม่เห็นอะไรพัฒนา นอกจากเอารูปมาทำPRขายตัวเอง งง! ใครมีทุกบ้านก็มีไป กูไม่มี”

ซึ่งได้มีคนมาแสดงความคิดเห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แต่ก็มิวายโดนสาวกล้มเจ้าถล่มกลับ โดยข้อความระบุว่า
“ถ้าเป็นเรื่องปัจจัย4องค์ก่อนท่านช่วยจริงๆนะ อันนี้ยืนยันได้ เพียงแต่การพัฒนาให้ทันยุคทันสมัยอันนี้เป็นหน้าที่ของ อบต. ที่พัฒนาพื้นที่ของตน ส่วนเรื่องPRมันแล้วแต่อคติตน ถ้าคนไม่ชอบพิมบอกที่ทำไปก็เพราะเอาหน้าจะได้มีงานเข้ามาเยอะๆ ก็ปล่อยเขาไป ทำดี ดีแล้วเป็นพอ”

ซึ่งนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำม็อบคณะราษฎร์ ได้รีทวีตข้อความดังกล่าว ก่อนที่จะทวีตข้อความพร้อมแนบรูปภาพ โดยข้อความระบุว่า
“คนงามๆต้องงามคู่ความเด่นดี ถ้า 4000 โครงการดี ทำไม 70 ปียัง “ด้อยพัฒนา””

และมีผู้แสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยจำนวนมาก เช่น
“ด้วยความเคารพ มึงกำลังด่าใคร จะให้แฟร์มึงต้องเอาเรื่องดีๆมาพูดด้วย กูคนนึงแหละที่ไม่เชื่อว่า คนที่ทำงานมา4000 กว่าโครงการ ทำงานมาตลอด 70 ปี จะไม่มีความดีให้มึงพูดถึงเลย มึงประชด ร.9 มึงไม่มีทางทำงานใหญ่สำเร็จหรอก กูสนับสนุนคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าด่า ร.9 ก็ไม่ต้องคุยกัน แค่นั้นแหละ”

“เรื่องดีๆก็มีแต่ไม่พูดถึง. จ้องแต่เรื่องที่จะสร้างความเกลียดชัง. ไม่มีประเทศไหนสมบุรณ์แบบอย่างที่คุณอยากให้เป็นหลอกเพราะร้อยพ่อพันแม่คิดไม่เหมือนกันสักคน”

อย่างไรก็ตาม โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นั้นได้รับการริเริ่มขึ้นตั้งแต่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติได้ไม่นาน โดยงานสังคมสงเคราะห์ส่วนใหญ่จะเป็นพระราชดำรัสด้านการแพทย์ที่พระราชทาน ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าในระยะแรกนั้นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ มีลักษณะการดำเนินการศึกษาค้นคว้าและทดลองเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อเตรียมพระองค์ด้านข้อมูลและความรู้ที่จะทรงนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ ปัญหาและเผยแพร่วิทยาการสู่เกษตรกร โดยเริ่มโครงการจากในเขตพื้นที่รอบๆ ที่ประทับในส่วนภูมิภาคก่อน จากนั้นจึงขยายขอบเขตออกไปสู่พื้นที่เกษตรกรรมที่กว้างขึ้น

ภายใต้หลักการทำงานที่สำคัญคือ โครงการฯ ต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ราษฎรกำลังประสบอยู่ได้อย่างรีบด่วนและมี ผลในระยะยาว โดยที่การพัฒนานั้นต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนตามความจำเป็นและประหยัด ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือ ประชาชนที่สามารถ “พึ่งพาตนเองได้” ในที่สุด ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ

โดยมีขั้นตอนในการดำเนินงานตั้งแต่การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เช่น สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ แหล่งน้ำ และการประกอบอาชีพ ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ เพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลจริงจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่น แล้วจึงทรงวางแผนพัฒนาและพระราชทานข้อเสนอแนะให้รัฐบาลร่วมดำเนินการตามพระ ราชดำริในโครงการต่างๆ โดยพระองค์เสด็จฯ ร่วมทรงงานกับหน่วยงานของรัฐทุกฝ่าย ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างจริงจัง ซึ่งแต่ละโครงการมีกำหนดเวลาในการปฏิบัติการให้เสร็จสิ้นในระยะเวลาอันสั้น หากเป็นโครงการระยะยาวจะมีเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

นอกเหนือจากการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว งานของโครงการฯ ยังมีลักษณะของงานวิชาการอีกด้วย กล่าวคือ จะมีโครงการวิจัย ค้นคว้าและทดลองของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในทุกภูมิภาค ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่วิทยาการที่ทันสมัยให้แก่เกษตรกรในการ จัดทำโครงการต่างๆ ตามหลักวิชาการก่อน เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้และประโยชน์ที่คุ้มค่า จากนั้นจึงจะเสนอขออนุมัติโครงการและงบประมาณในการจัดทำ หากโครงการใดติดขัดด้านระเบียบ วิธีการ งบประมาณ เป็นผลให้เกิดความล่าช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานกองทุนส่วนพระองค์ เพื่อให้โครงการดำเนินการต่อไปได้และทันกับการแก้ไขปัญหาโดยมีสำนักงานคณะ กรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นหน่วยงานช่วยประสานงานและแผนงานต่างๆ ให้สอดคล้องกันโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงกำกับดูแล ตลอดจนทรงติดตามผลการดำเนินการและเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังโครงการฯ ทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อทอดพระเนตรความเจริญก้าวหน้าของโครงการฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

น้อมรำลึก ๑๐ พระราชกรณียกิจโดดเด่น ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙

ในขณะเดียวกันพระองค์ท่านได้ทรงเห็นปัญหาของชนกลุ่มน้อย เหล่าชานติพันธ์คนชายขอบ ที่ถูกละเลยจากภาครัฐ โดยสมัยนั้นมีปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่น ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2512 ได้มีการเริ่มต้นโครงการหลวงเป็นโครงการส่วนพระองค์ มีชื่อเรียกในระยะแรกว่า “โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมกับเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย สำหรับเป็นงบประมาณดำเนินงานต่าง ๆ และพระราชทานมีเป้าหมายสำหรับการดำเนินงาน ดังนี้
1. ช่วยชาวเขาเพื่อมนุษยธรรม
2. ช่วยชาวไทยโดยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ คือ ป่าไม้และต้นน้ำลำธาร
3. กำจัดการปลูกฝิ่น
4. รักษาดิน และใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง คือ ให้ป่าอยู่ส่วนที่เป็นป่า และทำไร่ ทำสวน ในส่วนที่ควรเพาะปลูก
อย่าสองส่วนนี้รุกล้ำซึ่งกันและกัน

การดำเนินงานต่าง ๆ ของโครงการหลวง มีอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการด้านต่าง ๆ ปฏิบัติงานถวาย ทำให้การปฏิบัติงานก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานวิจัยการปลูก พืชเขตหนาวชนิดต่าง ๆ เกษตรกรสามารถนำไปปลูกทดแทนฝิ่นได้ผลดี

โดยโครงการหลวงมีเจตนาเพื่อมุ้งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาโดยมองข้ามความแตกต่างของอัตลักษณ์และชาติพันธุ์ เพื่อให้ชาวขาวและชนกลุ่มน้อยสามารถดำรงชีวิตและพึ่งพาตนเองเลี้ยงชีพตนได้อย่างยั่งยืน จนนำไปสู่การพัฒนาชุมชนและยกระดับความมั่นคงในด้านต่างๆ

ทั้งนี้ โครงการต่างๆของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 นั้น นอกจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในเวลานั้นแล้ว ยังได้วางรากฐานการพัฒนาเชิงลึกเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาและการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งการพัฒนาของพระองค์นั้นได้ก่อให้เกิดความเจริญไปทั่วทุกย่อมหญ้า ดังนั้นหากใครจะพูดกล่าวร้ายว่าพระราชกรณียกิจและพระปรีชาสามารถของพระองค์นั้น ไม่เห็นผลคงต้องพูดตามตรงว่าอาจจะเกิดจาการขาดสติปัญญาในการไตรต่ตรอง ศึกษาหาความรู้อย่างถ่องแท้ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์