บลูมเบิร์กฟันธงเศรษฐกิจไทยแกร่ง!?! ยกไทยอันดับที่1 ตลาดเกิดใหม่น่าลงทุนที่สุด ให้รัสเซียเป็นอันดับที่ 2

3548

ก่อนปีใหม่มีข่าวดีให้รัสเซียและประเทศไทย เมื่อสนข.บลูมเบิร์กยกไทยอันดับ 1 ตลาดเกิดใหม่(Ems:Emerging Market) ปี 2564 ที่น่าลงทุนที่สุด รัสเซียเป็นอันดับสอง เหตุเพราะประเทศไทยทุนสำรองต่างประเทศมหาศาล และกระแสเงินสดดีต่อเนื่อง ขณะที่รัสเซียมูลค่ารูเบิลต่ำทำส่งออกดี ดุลบัญชีเดินสะพัดดีมากตลอดจนนโยบายการคลังแข็งแกร่ง หมายความว่ารากฐานเศรษฐกิจไทยมั่นคงเพียงพอ ที่จะทะยานไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ตัวถ่วงที่เป็นอุปสรรคคือการเมืองร้อน มีม็อบทำลายชาติที่ไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไร แก้ตรงนี้ได้ไทยฉลุย

ระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ เดิมเรียกว่าตลาดกำลังพัฒนา แบ่งออกตามภูมิภาค 3 โซนด้วยกัน

  1. ประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ไทย, เกาหลีใต้, จีน, อินเดีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย และปากีสถาน
  2. ประเทศแถบละตินอเมริกา ได้แก่ อาร์เจนตินา, บราซิล, ชิลี, โคลัมเบีย, เม็กซิโก, เปรู  และเวนาซูเอลา
  3. ประเทศแถบยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง ได้แก่ สาธารณรัฐเชก, ฮังการี, โปแลนด์, รัสเซีย, อิสราเอล, จอร์แดน, โมร็อคโค, อียิปต์, แอฟริกาใต้ และตุรกี

การเปรียบเทียบในระดับทั้งโลก โดยประเทศไทยครองแชมป์ความน่าลงทุน เป็นสิ่งที่คนไทยภาคภูมิใจได้ มาดูกันว่าบลูมเบิร์กว่าอย่างไรบ้าง:

การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะดีเกินคาดในปี 2564

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองต่างประเทศอย่างมากมายมหาศาล ณ.วันที่ 11 ธ.ค.2563 จำนวน 8,529,491.63 ล้านบาท(กว่า 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) อีกทั้งยังมีกระแสเงินหมุนเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขึ้นแท่นตลาดเกิดใหม่เป็นอันดับ1 ในปี 2564

โดยไทยได้รับการคาดการณ์ GDP ปีหน้า จะขยายตัว 3.9% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP จะเกินดุล 3.1% และดุลงบประมาณต่อ GDP จะขาดดุล 4.9% อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาไม่มีประเทศไหนเกินดุล ขณะที่หนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทยอยู่ที่ 41% และยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล

บลูมเบิร์ก รายงานผลการสำรวจและการวิเคราะห์ข้อมูล ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ในช่วงที่ทั่วประสบปัญหาโรคระบาด พบว่าประเทศไทยและประเทศรัสเซีย เป็น 2 ประเทศที่จะเติบโตกลายเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุดในปี 2564

นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนไทยพุ่ง

สำนัก Bloomberg ยังระบุอีกด้วยว่า ในยุคที่ทั่วโลกยังคงประสบปัญหาโรคระบาด กลุ่มประเทศกำลังพัฒนากลับสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจ และ เอาชนะการแพร่ระบาดโรคโควิดได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นหมายถึงประเทศไทยที่ได้ กลายเป็นตลาดที่กำลังจะเกิดใหม่ในปี 2564 ซึ่งจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวต่างชาติ แม้ว่าความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ จะยังคงมีอยู่ก็ตาม

โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ มาจาก 1.นโยบายบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ 2.นโยบายช่วยเหลือเยียวยาด้านรายรับรายจ่ายของประชาชน และ 3.นโยบายของธนาคารกลางที่พยายามคงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด

สอดคล้องกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) ได้เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนพฤศจิกายน 2563 อยู่ในโซนร้อนแรง เพิ่มขึ้นกว่า 163.44% สูงสุดในรอบสองปี

อันดับ 2 ตามมาด้วยรัสเซีย ที่แม้จะมีสัดส่วนหนี้ต่ำมาก แต่อัตราการเติบโตของ GDP นั้นแย่กว่าไทยเล็กน้อยแม้ว่าค่าเงินรูเบิลจะค่อนข้างต่ำ ส่งผลดีต่อการนำเข้าและส่งออกสินค้ามาโดยตลอด ก็ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของรัสเซียอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก บวกกับการเก็บภาษีและนโยบายการคลังที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ประเทศรัสเซียเป็นตลาดที่จะเกิดใหม่อันดับ 2 ในปี 2564 ส่วนอันดับ 3 ร่วมคือเกาหลีใต้และไต้หวัน ส่วนอันดับรองสุดท้ายบราซิล ที่มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงที่สุด (89%) และอันดับสุดท้ายคือจีน โดยให้เหตุผลว่าเพราะได้รับการคาดหวังที่สูงมากอยู่แล้ว

จับตาปัจจัยเสี่ยงหลังโควิด-19

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เตือนว่า สถานการณ์ทั่วโลกยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่  ประเทศใดที่มีระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐานไม่แข็งแรงพอ ประเทศนั้นอาจมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงได้ สำหรับประเทศไทยปัจจัยเสี่ยงด้านโควิด-19 ยังมี เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ทำให้มีการเดินทางมากขึ้น แม้การเปิดประเทศจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีการควบคุมอย่างดีในด้านขนส่งทางอากาศ แต่ทางบกก็ยังมีความเสี่ยงในพื้นที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้านผ่านด่านชายแดน ปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากความบกพร่องหละหลวมเจ้าหน้าที่บางส่วน และความประมาทของประชาชนบางกลุ่ม

แต่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของไทยที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจคือ สถานการณ์การเมืองร้อนแรง การก่อม็อบประท้วงบ้าคลั่งชังชาติที่ยังไม่มีแนวโน้มหยุดลง เพียงเปลี่ยนรูปแบบให้หลากหลายก่อกวนบ้านเมืองไม่จบสิ้น

ความกังวลอีกเรื่องคือการฟื้นตัวหลังโควิด-19 ที่หลายประเทศอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังในด้านการกระจายวัคซีน และหลายประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือที่ก่อนหน้านี้เรียกว่าตลาดกำลังพัฒนา ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงโควิด-19 ระบาดอยู่แล้ว 

สำหรับประเทศไทยถ้าควบคุมและบริหารจัดการ การระบาดโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพไม่ให้ขยายวง ประชาชนไทยไม่ประมาท และร่วมแรงร่วมใจกันกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการของรัฐ ทั้งคนละครึ่ง, เที่ยวด้วยกัน เราจะฝ่าฟันไปได้อย่างแน่นอน