นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน “รวมพลังอดีตสหาย ผกค.ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์”
ที่วัดบ้านอ้อมแก้ว ต.ก้านเหลือง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นายปิยะ ผูกจิต อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ประธาน ผรท.ภาคอีสานตอนใต้ และนายโยธิน ลาถงินเฉลิม นางรังสิณี แก้วสมุทร นายสมปอง สมภารเพียง ซึ่งเป็นอดีตสหายและผู้นำกลุ่มสมาชิกอดีต ผกค. พร้อมด้วยสมาชิกแต่ละเขตงานจำนวนมาก
โดยนายอานนท์ กล่าวว่า เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลจาบจ้วงต้องการล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการโจมตีมาตรา 112 ว่าเป็นกฎหมายที่มีปัญหา ปิดปากประชาชน ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง และใช้โซเชียลมีเดียในการขยายความ ซึ่งในขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ทุกประเทศก็มีกฎหมายให้ความคุ้มครองประมุข ถ้ามีการไปกระทำการที่จาบจ้วง และยังมีกลุ่มบุคคลไปร้องเรียนองค์การสหประชาชาติ (UN) ให้สนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งถือเป็นการชักศึกเข้าบ้าน และมองว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้กำลังนำมาตรา 112 มาเล่นการเมือง เพื่อสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง เราจำเป็นต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และสนับสนุนการใช้
ส่วนทางด้านนายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้จะเป็น “อดีตสหาย” สมาชิก “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” ที่เคยได้รับเงินสนับสนุนเยียวยาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตรา 112
มีสองมูลความผิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และอาฆาตมาดร้าย ซึ่ง สำหรับคนปกติคือคดีหมิ่นประมาทและคดีขู่ฆ่าเอาชีวิต ในเมื่อคนธรรมดาสามัญ กฎหมายก็ยังต้องคุ้มครองหากมีมูลฐานความผิดเดียวกัน แล้วทำไมองค์พระประมุข ผู้ทรงเป็นรัฎฐาธิปัตย์ สำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ
กฎหมายจะไม่คุ้มครอง มีนักการเมืองที่มีความคิดล้มเจ้า เข้าไปร่วมการชุมนุมและสนับสนุนเงินทุนแก่แกนนำปลดแอก ตัวเองก็ยังฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทได้ แล้วเหตุไฉน จะยกเลิกมาตรา 112 จะให้พระเจ้าแผ่นดินได้รับความคุ้มครองน้อยกว่าตนเองจะได้รังแกพระเจ้าแผ่นดินได้ตามอำเภอใจเช่นนั้นหรือ
อย่างไรก็ตามนายอานนท์ ได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ที่ผ่านมาการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มักเกิดจากการใช้ข้อความอันเป็นเท็จ โกหก ใส่ร้ายป้ายสี แทบทั้งสิ้น ไม่ได้นำความจริงมาพูดอย่างตรงไปตรงมา การแอบอ้างว่าให้ยกเลิกมาตรา 112 แล้วจึงจะพูดหรือวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้นั้น
ไม่ใช่เรื่องที่เป็นจริง เพราะคนที่จ้องจะใส่ร้ายสถาบัน โพนทะนา โฆษณา ทำสงครามไซเบอร์ล้มเจ้าไม่หยุดหย่อน พวกที่เรียกร้องเรื่องให้ยกเลิกมาตรา 112 นี้ล้วนแต่ปากว่าตาขยิบ มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะตนเองกระทำผิดมาตรา 112 หรือสนับสนุนผู้คิดล้มเจ้า แต่กลับมาเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 112 คนมีผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นนี้
น้ำหนักคำพูดไม่มีเลย ทำเพื่อให้ตัวเองรอด หรือทำเพื่อให้พวกตัวเองรอด ไม่ได้กระทำโดยบริสุทธิ์ใจ อย่าให้น้ำหนักให้มากนัก หากมิได้หมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องเดือดร้อน กินปูนร้อนท้องไปทำไมเล่า การบังคับใช้มาตรา 112 ส่งผลดีต่อสังคมมากกว่าผลเสีย ในปัจจุบันที่เห็นชัดเจนก็พบว่ามีการกระทำความผิดชัดแจ้ง ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมายแต่อย่างใดเลย พวกเราชาว ผรท.อดีตสหาย ผกค.เก่าขอสนับสนุน การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และต่อต้านการยกเลิกใช้กฎหมายดังกล่าว