จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่
และจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำ ความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่าง ๆ ให้ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล
ต่อมา มีแกนนำออกมาแสดงความไม่พอใจ แล้วต่อว่ารัฐบาประกาศรบกับประชาชน และกำลังใช้กฎหมายมาทำร้ายประชาชน
ปลดแอก ประกาศสงคราม ลั่นแถลงการณ์นายกฯ ทำฟางเส้นสุดท้ายขาดแล้ว
ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า
“เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีแถลงว่า จะใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตรา ไม่มีการยกเว้น
การไม่ยกเว้น ย่อมหมายถึงการนำ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ไม่ได้นำมาใช้เป็นเวลาหลายเดือน กลับมาบังคับใช้อีกครั้ง
เมื่อมีข่าวเช่นนี้ แกนนำการชุมนุม ต่างก็ออกมาวิจารณ์ว่า รัฐบาลกำลังจะใช้กฎหมายมาทำร้ายประชาชน กล่าวหาเลยว่ารัฐบาลจะทำ “นิติสงคราม” กับประชาชน บางคนแสดงความไม่เกรงกลัว และท้าทายว่า พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งคนทั่วไปเห็นข้อความนี้เข้า ก็ต้องถามว่า คุณยังเห็นตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยได้ยังไง
ที่ผ่านมา ทั้งแกนนำ ทั้งผู้ร่วมชุมนุม ได้กระทำย่ำยีองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่ำยีเกินเลยไปถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง การทำเข่นนี้ ไม่ใช่เป็นการย่ำยีพระองค์ท่านทั้ง 2 พระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นการย่ำยีหัวใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างสาหัสด้วย
สิ่งที่ทั้งแกนนำ และผู้ชุมนุมกระทำ รวมทั้งสาวกที่เขียนข้อความใน social media มีความรุนแรงขึ้นทุกวันในระดับที่ ไม่เคยนึกฝันว่า จะมีใครใช้คำพูด ข้อความ และการแสดงออก ต่อองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงขนาดนี้
ประชาชน และขอย้ำว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เขารับกันไม่ได้แล้ว รัฐบาลในขณะนี้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากยังไม่ทำอะไรเหมือนที่ผ่านมา ประชาชานอีกฝ่ายจะออกมาจัดการกันเอง และเมื่อถึงวันนั้น จะเป็นเหตุผลอย่างดีสำหรับการทำรัฐประหาร
ง่ายนิดเดียวที่จะไม่ต้องถูกกฎหมายทำร้ายอย่างที่อ้าง และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการทำรัฐประหาร นั่นคือผู้ชุมนุมเพียงแต่หยุดทำผิดกฎหมายเสีย และชุมนุมอย่างสงบ สันติ อย่างแท้จริง หยุดการจาบจ้วง ล่วงละเมิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ องค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ หยุดการใช้กำลังฝ่าแนวกั้น หยุดการทำลายทรัพย์สินของราชการ และของผู้อื่น
อย่าลืมว่า หากต้องการอนาคตที่ดีกว่าเดิม ประเทศที่ดี สังคมที่ดี ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน ไม่ใช่โทษแต่ผู้อื่น โดยไม่มองดูตัวเอง”