“ชวน” มอบ “ราเมศ” แจ้งความนักเลงโซเชียล มั่วใส่ร้าย ปธ.สภา สั่งการ จนท.สลายชุมนุม!!

2930

สืบเนื่องจากการสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภาและแยกเกียกกายเมื่อวันที่ 17พ.ย. ที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชุมนุมจำนวนมาก

และคิดกันเองว่า การสลายการชุมดังกล่าวนั้นเป็นคำสั่งมาจากประธานรัฐสภา หรือ นายชวน หลีกภัย มีการพูดถึงอย่างหยาบคายเป็นวงกว้างในสังคมโซเชี่ยล

ล่าสุด ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงการเตรียมการในการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใส่ร้าย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านช่องทางโซเชียลว่า จากการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 17-18 พ.ย.2563 และมีการชุมนุมบริเวณรอบนอกอาคารรัฐสภา ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยขอย้ำว่า นายชวน ได้กล่าวเสมอว่ายินดีต้อนรับผู้มาเยือน ประชาชนไปมาได้ตลอดเวลา และเป็นเรื่องปกติที่มีประชาชนเดินทางมาที่รัฐสภาเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ชุมนุมมีสิทธิเรียกร้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ โดยสงบและปราศจากอาวุธ และพร้อมรับฟังทุกเสียงของพี่น้องประชาชนเพราะรัฐสภาเป็นศูนย์กลางของความเป็นประชาธิปไตย

นายราเมศ กล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อยคือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ประสานกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยย้ำว่าบริเวณภายในรัฐสภาเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาจะเป็นผู้ดูแล ส่วนบริเวณภายนอกอาคารรัฐสภาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งการบริเวณภายนอกรัฐสภาได้ และความรุนแรงภายนอกอาคารรัฐสภาไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดหากทำผิดกฏหมายทุกคนก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของแต่ละคน

“อย่างไรก็ตาม ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะนี้มีการกล่าวหาใส่ร้ายโดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Twitter Facebook และช่องทางอื่นๆได้มีการกล่าวหาใส่ร้ายประธานรัฐสภาว่าเป็นคนสั่งการและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชน ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะตามที่ได้กล่าวมาคือประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ การกล่าวหาใส่ร้ายดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรงและปรากฏข้อเท็จจริงชัดว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ตั้งกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก เพื่อกล่าวหาใส่ร้ายใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น นายชวน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ตามกระบวนการกฎหมาย โดยมีการลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้ตน ในฐานะทนายความไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีหลายกรณีที่ได้เก็บพยานหลักฐานไว้ครบถ้วน มีทั้งคนที่กระทำผิดฐานหมิ่นประมาท และมีทั้งคนที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ขู่ และไม่ได้ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน แต่ควรวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบให้เต็มที่ แต่ถ้าบิดเบือนใส่ร้ายด้วยความเท็จ ช่องทางที่จะระงับสิ่งเหล่านี้ได้ คือใช้กระบวนการกฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด