จากที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่างเสร็จลงมติชื่อสมาชิกรัฐสภาเรียงลำดับตามตัวอักษร ก่อนที่สมาชิกแต่ละคนจะขานมติว่า รับ-ไม่รับ-งดออกเสียง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละร่าง
ทั้งนี้เมื่อการลงมติผ่านไปได้ 200 คน ปรากฎว่า สมาชิกรัฐสภา ซีกรัฐบาล และส.ว. ส่วนใหญ่ ลงมติรับหลักการ ร่างที่ 1 – 2 ตามที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และส.ส.ฝ่ายค้านเสนอ และลงมติงดออกเสียงในร่างที่เหลือ ขณะที่ ส.ส.ซีกฝ่ายค้าน ลงมติรับหลักการทั้ง 7 ร่าง แต่ทั้ง 5ร่างดังกล่าวมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ในขณะนี้ถือว่า ไม่ได้รับความเห็นชอบในวาระรับหลักการ
ล่าสุดวันนี้(19พ.ย.63) นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นแถลงการณ์ของกลุ่มไทยภักดีต่อท่าทีหลังการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังนี้
#แถลงการณ์กลุ่มไทยภักดี # เรื่องยอมรับผลลงมติของสมาชิกรัฐสภา ตามที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบวาระแรก ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของส.ส.ฝ่ายค้านและส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรวม 2 ร่าง นำไปสู่การตั้งส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ แม้กลุ่มไทยภักดีจะไม่เห็นด้วย แต่เคารพการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภา
สิ่งที่กลุ่มไทยภักดี ได้ดำเนินการต่อไป และเชิญชวนพี่น้องประชาชน 16.8 ล้านเสียง ติดตามนั่นคือ เราได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ร้องผ่านอัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ระงับยับยั้ง การกระทำของรัฐสภา เพราะเราถือว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ถือว่ากลไกทางการเมือง องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องถูกยกเลิกไป เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง
ขณะเดียวกัน ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ให้โอกาสมีการตั้งส.ส.ร.ได้ แม้จะไม่มีการแตะต้องมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มไทยภักดีขอให้พี่น้องจับตาที่มาของส.ส.ร. และพวกเราต้องช่วยกันติดตาม ประเด็นสำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ นั่นคือประเด็นที่ทุนสามานย์จะเข้ามาครอบงำระบบการเมืองนั่นคือ
1.ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งส.ส.จากบัตรใบเดียว เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปสู่บัตรสองใบตามรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ทุนสามานย์และเงิน ที่ครอบงำพรรคการเมือง จะฟื้นมีพลังอำนาจมากขึ้นมาทันที และนำไปสู่ปัญหาทางการเมืองเหมือนในอดีต
2.ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกส.ว.ตามระบบใหม่ของรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นคือให้ส.ว.คัดเลือกจากประชาชนกลุ่มอาชีพ เพราะถ้ายอมแก้ไขให้ส.ว.คัดเลือกจากจังหวัดต่างๆเหมือนเดิม ส.ว.ก็อาศัยฐานเสียงพรรคการเมือง จะทำให้ส.ว.อยู่ภายใต้บงการพรรคการเมือง นำไปสู่เผด็จการรัฐสภา
3.ต้องไม่มีการแก้ไขรายละเอียดการปราบโกง ทั้งที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4.ต้องไม่มีการแก้ไขมาตราเรื่องงบประมาณ ที่นำไปสู่การแทรกแซง ให้มีงบส.ส. 5.ต้องไม่มีการแก้ไข เพื่อนิรโทษกรรม คดีทุจริต คดีถูกตัดสิทธิ์การเมือง ของนักการเมืองที่ถูกลงโทษไปแล้ว
ที่กล่าวมาคือสาระสำคัญของอนาคตประเทศประเทศ ที่พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันจับตา ติดตาม เพราะนี่คือความพยายามของกลุ่มทุนสามานย์ กลุ่มทุนล้มเจ้า (ทั้งในและนอกประเทศ) ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ที่มา : เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom