ฟังแล้วจุก!“ฟ้าใส”พูดชัด”ขอทำงานกับคนที่เห็นค่า”งานนี้ทำติ่งเดือด!คิดว่าอวย”ณวัฒน์”

9722

ในเวลานี้แฟนนางงามก็คงจะพอนึกภาพออกแล้ว จากที่แต่ก่อนคาดหวังจะได้เห็น “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ปรับความเข้าใจและร่วมงานกับกองประกวด TPN รวมทั้งรุ่นน้องนางงามได้ หลังจากเหตุผิดใจเรื่องสัญญาตั้งแต่ปี 2019

ทั้งนี้ ด้วยความที่เวลาผ่านไปนาน หลายคนยังคงเชียร์ให้กลับไปร่วมงานกับ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือ“แม่ปุ้ย” ผู้บริหาร บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด หัวเรือใหญ่ของเวที Miss Universe Thailand แต่เห็นทีว่างานนี้จะดูเป็นไปได้ยาก เพราะดูเหมือนทาง “ฟ้าใส” พร้อมผู้จัดการส่วนตัวจะเดินหน้าร่วมงานเวทีแกรนด์รัว ๆ เพราะล่าสุดทางด้าน “เอส อนุสิทธิ์” ก็ได้คว้าลิขสิทธิ์มิสแกรนด์ปทุมธานีไปเรียบร้อย

ล่าสุด “ฟ้าใส” ก็เปิดใจเลยว่า “ตอนนี้เขยิบไปอีกขั้น เพราะจับมือกับพี่เอส ผู้จัดการส่วนตัว คว้าลิขสิทธิ์มิสแกรนด์ปทุมธานี “มันเริ่มจากการที่ฟ้าใสกับพี่เอสได้ไปร่วมงานมิสแกรนด์ไทยแลนด์ที่ผ่านมา และแฟนคลับหลายคนก็เชียร์พี่เอสว่าขอสักจังหวัดได้ไหม พี่เอสก็เลยลองเขียนดูว่าถ้าทำจริงจะมีใครมาช่วยไหม ทีมคอสตูม ทีมนั่นนี่ แต่กลายเป็นว่ามีสมัครเข้ามา พี่เอสก็เลยบอกว่าถ้าทุกคนเอาจริง พี่ก็เอาจริงเหมือนกัน พี่เอสก็เลยลองติดต่อเข้าไปในกองออกาไนซ์ของมิสแกรนด์ไทยแลนด์และได้มาค่ะ”

ถามว่าซัพพอร์ตพี่เอสยังไง จริง ๆ พี่เอสเป็นคนมีความสามารถเยอะมาก แต่ถ้าพี่เอสต้องการความช่วยเหลือก็จะช่วยเต็มที่ค่ะ ถามว่าจังหวัดอื่นจะกลัวไหม จะบอกว่าปีนี้มีอะไรที่พิเศษมาก ไม่ใช่แค่นางงาม แต่สำหรับคนที่เป็นทีมของนางงามเหมือนกัน ต้องรอพี่เอสประกาศว่าคืออะไร เราก็ไม่กดดันค่ะ เพราะที่ผ่านมาฟ้าใสมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในผู้เทรนของมารีม่า (สุภัทรา เกลี้ยงพร้อม) ที่เพิ่งได้ท็อป 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ไป ก็พอจะเข้าใจในระดับนึง

เวทีที่เราได้มงฯ กับเวทีมิสแกรนด์ต่างกันแน่นอนค่ะ จะบอกว่าเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มันมีฉายาหลายอย่าง เมาแมวบ้าง เอิ๊กอ๊ากบ้าง แต่มิสแกรนด์ยิ่งกว่าอีกหลายเท่า อย่างที่บอกว่าพลังใบใช่ไหมคะ มันเหมือนสุดไปเลย แต่ละบริบทมันจะไม่เหมือนกัน ของมิสแกรนด์ไทยแลนด์จะเน้นในเรื่องของทุกวันจะมีกิจกรรมตลอด ชุดจะต้องเป๊ะ ทีมต้องเป๊ะ นางงามเองก็ต้องเก่ง แต่ว่าของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มันจะแตกต่างระหว่างไทยกับอินเตอร์”

ส่วนหากจะถามว่า ไม่มีข้อจำกัดจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพราะประกวดมาหลายเวที “ไม่ค่ะ ถ้าฟ้าใสประกวดแค่เวทีเดียวก็อาจจะมีขีดจำกัดที่เราไม่รู้เวทีอื่น ๆ แต่ว่าฟ้าใสประกวดมาหลายเวที เราก็เลยรู้ว่าการที่เราจะปรับจากเวทีนึงไปอีกเวทีนึงจะเป็นยังไงค่ะ”

และประเด็นข่าว “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ไม่ถูกกับ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ก็เอามาเปรียบเทียบกันไมได้ เป้าหมายไม่เหมือนกัน “จะบอกว่าฟ้าใสเคยพูดตั้งแต่ฟ้าใสได้ตำแหน่งปี 2019 แล้วว่ามันมีหลายเวทีบนโลกนี้มาก แต่ละเวทีก็จะมีเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะมาเป็นคู่แข่งมันก็ไม่เชิงได้ เพราะยูนิเวิร์สเขาก็มองหา Empowerment แต่เวทีพี่ณวัฒน์เขามองหาคนที่จะมาอยู่เคียงข้างประชาชน

ดังนั้นมันไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ว่าใครเป็นที่หนึ่งในด้านไหน เพราะว่าเป้าหมายมันไม่เหมือนกันเลย ถ้ามองในแง่บุคคล ฟ้าใสยินดีที่อยากจะร่วมงานกับใครที่อยากร่วมงานกับเรา ใครที่เชิญเราไป ให้เกียรติเรา เทคแคร์ดูแลเรา เราก็จะร่วมงานกับคนนั้นค่ะ ถามว่าจะเป็นโค้ชให้มิสยูนิเวิร์สได้ไหม ก็มีมาติดต่อนะคะ ทั้งเทรนมิสยูนิเวิร์ส และเทรนสำหรับมิสแกรนด์ มีเทรนสำหรับซูปร้าเหมือนกัน ดังนั้นของฟ้าใสไม่ใช่สำหรับเวทีใดเวทีหนึ่ง มันเป็นการเทรนโดยรวมสำหรับการเตรียมตัวให้ร้องพร้อมจริง ๆ สำหรับการประกวดบนเวที”

จากข้อความนี้ก็ทำเอาแฟนนางงามแห่แชร์คลิปไปทั่วโซเซียล บางก็ว่า”ฟ้าใส”อวยเข้าข้าง”ณวัฒน์”บอสใหญ่เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ แถมฟาดแรงว่า “ไม่เซ็นสัญญากะเค้าเองนิ จะมาบอกว่าเค้าไม่เห็นค่าได้ไง ขอเซ็น 5 ปี บอกเอาเปรียบ เหมือนสัญญาทาส” แต่บางคนก็มองว่า”ฟ้าใส”ก็พูดเป็นกลางแล้ว คำตอบคนมงลง มงแล้วมงอีก มันก็แล้วแต่ใครจะเอาไปตีความหมายยังไงนั่นแหละ!?

นอกจากนี้ “ฟ้าใส” ยังบอกอีกว่า ครั้งหนึ่งเด็กที่เทรนเคยโดนสกัดดาวรุ่งมาแล้ว แต่แก้ไขสถานการณ์ได้ ซึ่งเจ้าตัวพูดถึงเรื่องนี้ว่า “เคยโดนมาแล้วดีกว่า แต่จะเป็นปีไหนอันนี้ขอไม่พูดถึง สำหรับเราถ้ารู้ว่ามีการสกัดเวทีขึ้นมาเราก็จะเทรนแบบเงียบ ๆ แล้วเวลาที่น้องเขาได้ตำแหน่งทีหลัง มันก็ขึ้นอยู่กับเรา ว่าเราอยากจะเคลมว่าคนนี้เขาถึงตำแหน่งเพราะเรา ทีหลังเราก็ทำได้ แต่เราไม่ต้องทำ เพราะน้องที่ได้รับคำแนะนำนั้นเขาก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ใครที่อยู่เบื้องหลังบ้าง มันก็จะมีโมเมนต์ว่าคนนี้รู้ว่าหนูเทรนคนนี้ ก็กันไม่ต้องเข้ารอบอะไรแบบนี้ แต่ไม่กังวลค่ะ เพราะเราสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ก็ไม่เจ็บใจ เพราะมีคนนึงที่เทรนและเราไม่ได้บอก จริง ๆ มีมากกว่าหนึ่งคนและเข้ารอบลึกเหมือนกัน

ไม่เสียใจที่คนมามองที่ตัวเรามากกว่าตัวน้องค่ะ เพราะสมมติเราช่วยใครคนนึงโดยที่ไม่ได้หวังอะไร เพราะเราเคยอยู่ในจุด ๆ นั้น เราก็รู้ว่าน้องนางงามเขาก็อยากไปถึงความฝันของเขา สำหรับหนูก็เต็มที่ ช่วยโดยที่ไม่ต้องออกหน้าก็ได้ว่าฟ้าใสเป็นคนช่วย แล้วเวลาที่น้องไปถึงฝันหนูก็ดีใจ ถ้าน้องอยากจะขอบคุณทีหลังหนูก็แฮปปี้ แต่ถ้าน้องไม่ ก็ไม่เป็นไร เพราะหนูรู้ว่าอย่างน้อยหนูได้เป็นส่วนนึงในการช่วยน้องไปถึงฝัน”

“จริง ๆ เหมือนเราก็วัดใจ ลองดูว่าคนนี้เราลองออกหน้าว่าเราเทรน กับคนนี้เราไม่ออกหน้า แค่ให้คำแนะนำ ก็ลองดูสิว่าการที่เราออกหน้ากับการที่เราอยู่เบื้องหลังจริง ๆ มันจะมีผลไหม ซึ่งเราก็เห็นว่ามันมีผลค่ะ เราก็จริงจังมากค่ะ เพราะมีหลายคนที่มาเทรนกับฟ้าใสไม่ใช่แค่เวทีหญิงอย่างเดียว มีเวทีผู้ชายด้วย

ฟ้าใสก็แฮปปี้ที่สามารถสื่อสารความรู้ของเราให้กับน้อง ๆ เพราะตอนที่หนูประกวดตอนนั้นเราก็อยากมีคนนึงที่ช่วยเทรนในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เราพร้อมที่สุดกับการประกวด แต่มันไม่มีในตอนนั้น ซึ่งสำหรับตอนนี้ไม่ว่าจะเวทีไหนก็มาเลย ฟ้าใสสามารถที่จะให้น้องเป็นที่หนึ่งให้เหมาะกับเวทีที่น้องกำลังจะประกวดได้ค่ะ”