นี่แหละสู้ไปกราบไป? ทักษิณ พลิกลิ้นม.112 ต้องแก้อ้างโทษหนักไป ยุพท.ช่วยสิทธิประกันตัว!

1470

นี่แหละสู้ไปกราบไป? ทักษิณ พลิกลิ้นม.112 ต้องแก้อ้างโทษหนักไป ยุพท.ช่วยสิทธิประกันตัว!

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีมีกระแสเรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิก กฎหมายอาญามาตรา112 ระบุว่า ตัวบทกฎหมายเองไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม โดยข้อความระบุว่า 2-3 วันนี้ได้ฟังดราม่าเกี่ยวกับเรื่องมาตรา 112 จากทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการที่จะแก้ไขหรือยกเลิก ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา และผ่านการปรึกษาในเรื่องมาตรา 112 มาหลายครั้ง

ผมขอเล่าเป็นประสบการณ์ มาตรา112 มีมานานตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษฎ์ น่าจะประมาณปี 2500 ตัวกฎหมายเองไม่เคยเป็นปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มันเกิดจากการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าบุคคลในกระบวนการยุติธรรมอาจจะเกิดจากความกลัวหรืออาจจะเกิดจากความอยากแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ยึดหลักนิติธรรม แล้วเกิดการใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือ Abuse of Power เพื่อหวังผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางรัฐบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง เลยทำให้เกิดความไม่พอใจ และยิ่งใช้มากก็ยิ่งเกิดความไม่พอใจมาก ซึ่งในสมัยก่อนสนง.ตำรวจแห่งชาติ จะมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่ร้องเรียนขึ้นมาว่าเป็นเรื่องของการจงใจที่จะละเมิดมาตรา112 จริงหรือเปล่า และจำนวนคดีก็มีน้อย และทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการพิจารณาทางอาญา (Due Process of Law)

ฉะนั้นปัญหาก็น้อย แต่ช่วงนี้ปัญหาเยอะมาก ยิ่งใช้อีกฝ่ายหนึ่งก็มีความโกรธเคืองแล้วก็ไปโทษกันต่างๆ นาๆ ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่า รัฐบาลน่าจะจับเข่าคุยกับกลุ่มเยาวชนที่เห็นต่างในทุกวันนี้ เราก็จะได้แนวทางที่อยู่ร่วมกันระหว่างคนในวัยที่ต่างกัน ถ้าจะเริ่มติดกระดุมใหม่ที่ติดผิดเม็ด ก็โดยการที่ปรับกระบวนการในการดำเนินคดีของ 112 เสียใหม่ ให้เหมือนในอดีตที่ทำอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม่กลั่นแกล้ง ไม่หาเรื่อง แล้วก็ปล่อยผู้ถูกกล่าวหาให้ได้รับการประกันและใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญาไป และพูดคุยกับเด็กๆ จะได้เข้าใจตรงกัน เราจะอยู่ร่วมกันต้องมีกติกา กติกาอะไรที่มันยอมรับกันได้ทุกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะบอกว่ายกเลิกมาตรา112 เพราะอารมณ์โกรธ จากอารมณ์โกรธ หรือบางคนก็ต้องการจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกมาตรา112 ไม่เอาเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนมันมี Yes and No แต่ขณะเดียวกันนั้น การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า และการจัดระเบียบให้เป็นระเบียบเสียจะดีกว่า วันนี้บ้านเมืองเหมือนกับอยู่ในภาวะที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีการบริหาร บ้านเมืองเปรียบเสมือนอยู่ในภาวะไม่มีการบริหารการจัดการ คงเลือกใช้แต่ Law and Order ซึ่งมันเป็นการขัดหลักที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีไม่แตกแยก

ดังนั้นสรุป ผมขอแนะนำว่าก่อนจะมาบอกว่าจะแก้มาตรา 112 หรือไม่ ขอให้ไปเริ่มย้อนคิดว่า เมื่อตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหาคือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและคนที่นำประเด็นนี้มาสร้างความแตกแยกในสังคมต่างหาก ถ้ามีการจัดระเบียบให้ถูกต้องและมีการพูดคุยกับผู้เห็นต่างบ้าง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นทีดี และนำไปสู่การรักษากฎหมายที่เป็นธรรม และก็จะไม่มีใครเดือดร้อน แต่วันนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าประเทศขาดการบริหารการจัดการ เลือกที่จะใช้ Law and order เท่านั้น ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดดราม่า หายใจยาวๆ มาเริ่มต้นใหม่ตามที่ผมแนะนำเบื้องต้น เพื่อความรัก เพื่อการถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหาโดยที่ไม่รู้

ล่าสุดวันนี้ (10 พฤศจิกายน 25464) ทางเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาประเด็นม. 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า “ต้องรีบแก้ไข 15 ปีมันหนักไป ทำอย่างไรไม่ให้โทษสูงเกินไป ทำอย่างไรให้ได้สิทธิประกันตัว ทำอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม”

เรื่อง 112 เนี่ยตอนนั้นจริงๆ ผมพูดสั้นไป คือ ผมจะเล่าว่า เมื่อก่อนมีระบบคณะกรรมการรับเรื่องว่าจะฟ้องหรือไม่ แต่พอหลังๆ ดันไปให้ใครฟ้องก็ได้ มันเลยสะเปะสะปะไปหมด พอคนไปแจ้ง ตำรวจก็ต้องรับหมด แล้วไปสอบจนเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่บางครั้งมันไม่ได้เข้าข่ายเลยแท้ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายและต้องรีบแก้ไข ทั้งเรื่องที่กำหนดลงโทษ 15 ปี มันก็หนักไป

แล้วก็ต้องดูวิธีฟ้องว่ามีกระบวนการแจ้งความแบบไหนที่ไม่ใช่แบบทุกวันนี้ ถ้าไม่ทำมันจะมีแต่ความแตกแยก คนรุ่นใหม่เนี่ย รัฐไม่เข้าใจวิธีคิดเขา พวกเขาหวังดี แต่ก็ไปตีความว่าไม่จงรักภักดี ทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต

ผมเลยอยากบอกนายกฯ ว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการเสียเหลี่ยมอะไร ไปคุยกับเด็กเถอะ อะไรแก้ได้ก็บอกเขา แก้ไม่ได้ก็บอกเขา อันนี้คือสิ่งที่ผมพยายามจะบอก เมื่อก่อนแทบไม่เคยมีปัญหา แต่วันนี้มีปัญหามาก เพราะมุมมองของเผด็จการไม่มองเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เราจะต้องไม่ปล่อยให้เละเทะอย่างนี้ แล้วพอเละเทะ ศาลก็ดันไม่ให้สิทธิประกันตัวอีก เห็นว่าเพื่อไทยจะเอาเรื่องนี้เข้าสภาซึ่งเป็นเรื่องดี ต้องทำยังไงให้ได้สิทธิประกันตัว ต้องไม่ให้โทษสูงเกินไป มีวิธียังไงที่จะให้เกิดความยุติธรรม ไม่ใช่ใช้จนเกิดความแตกแยก ผมว่าทั้งหมดนี่ เป็นความห่วยแตกของรัฐบาลเอง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มพลเมืองเพื่อผู้ต้องขังทางการเมือง นำโดยนายรัศน์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยใน​หลายประเทศ นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติฮิวแมนไรท์วอทซ์ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้เปิดบัญชีรับบริจาคเงินสนับสนุนม็อบราษฎร น.ส.นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส นายอุทิศ เหมะมูล นักเขียนรางวัลซีไรต์ และนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า ผู้ต้องหาคดี 112

ทั้งหมดได้ยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทย โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้อำนวยการพรรค ร่วมรับหนังสือ โดยทางนพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวว่า ขอบคุณที่ทางกลุ่มพลเมืองฯ ให้โอกาสพรรคเพื่อไทย พร้อมรับข้อเสนอของกลุ่มพลเมืองฯ ไปหาแนวทางแก้ปัญหาโดยนำเข้าสู่การแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย ในฐานะหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค ได้รับโอกาสตามเจตนารมย์ที่ได้ประกาศไว้ ที่ผ่านมามีคนบอกว่าเราพูดเพื่อสร้างวาทกรรมเท่านั้น แต่วันนี้ปรากฎชัดโดยทุกท่านได้ให้โอกาสพรรค