จากที่เหตุการณ์รัสเซียสามารถบุกยึดเมืองต่างๆของยูเครนไว้ได้ และประเทศพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาไม่สามารถส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งขณะที่ขั้วอำนาจใหม่เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นกับการย้ายข้างไปอยู่กับจีน???
ล่าสุดวันนี้ 23 เมษายน 2565 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์แบบสรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ความปราชัยของนาโต้ในยูเครน 1. สถานการณ์ล่าสุด ไครเมียพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางใต้ของยูเครนเป็นของรัสเซียมาก่อนแล้ว พื้นที่ดอนบาสทางขวามือบนของไครเมียร์ ซึ่งกองทัพนาโต้ใช้เป็นฐานทัพก็ถูกรัสเซียยึดไปเรียบร้อยแล้ว
พื้นที่มาคุเรียฟทางด้านซ้ายบนของไครเมียซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอังกฤษที่เมืองต่อเรือก็ถูกรัสเซียยึดไปเรียบร้อยแล้ว!! สำหรับพื้นที่ดอนบาสนั้นได้ประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ3รัฐเชื่อมไปถึงแนวตะวันออกของยูเครน จึงทำให้พื้นที่เหล่านี้และรัสเซียเชื่อมต่อถึงกัน สามารถส่งกำลังบำรุงถึงกันได้โดยสะดวก
ส่วนพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านทะเลดำที่เชื่อมกับยูเครนนี้น รัสเซียก็สามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง นาโต้ไม่สามารถส่งกำลังบำรุงหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ผ่านทางทะเลดำได้อีกแล้ว
แม้อังกฤษจะเคลื่อนเรือพิฆาตและกองเรือบริวารเข้าไปในทะเลดำเพื่อทดแทนฐานทัพที่พื้นที่มาคุเรียฟ แต่ก็ไม่มีท่าเรือที่จะเข้าเทียบท่าได้ และยังมีกองเรือทะเลดำของรัสเซียสกัดอยู่
สถานการณ์ขณะนี้ การสู้รบดำเนินไปในพื้นที่ภาคกลางของยูเครนตะวันออก ซึ่งมีทหารยูเครนแท้รักษาพื้นที่อยู่เดิมกว่าแสนคน โดยรัสเซียได้ใช้กำลังจากทางใต้และตะวันออกเข้าล้อมไว้ และใช้กองทหารที่ถอนมาจากกรุงเคียฟกระหนาบหลังอยู่ด้านบน ทำให้กองทหารยูเครนในภาคกลางของยูเครนตะวันออก ตกอยู่ในวงล้อม ในขณะที่การส่งกำลังบำรุงมาจากกรุงเคียฟแทบทำไม่ได้เลย กำลังเกิดสภาพขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ทุกชนิด เส้นทางขนส่งและการสื่อสารต่าง ๆ ถูกตัดขาดโดยทั่วไป
สำหรับทหารของยูเครนแท้ ๆ นั้นไม่ต้องการสู้รบกับรัสเซียโดยตรง และรัสเซียก็ไม่ต้องการทำลายล้างทหารยูเครนแท้!! เพราะบรรดานายทหารเกือบทั้งหมดเคยศึกษาวิชาทหารมาจากรัสเซีย นายทหารของยูเครนและรัสเซียส่วนใหญ่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กัน จึงคาดหมายได้ว่ายุทธการยึดภาคกลางของยูเครนตะวันออก อาจจะจบลงโดยการเจรจาสันติภาพระหว่างกองทหารในพื้นที่ โดยวางอาวุธต่อกองทัพรัสเซีย
- สภาพของยูเครนปัจจุบันนี้เหมือนคนป่วยอาการหนักที่ไม่รับน้ำและอาหารแล้ว ถึงจะให้อาหารและน้ำเท่าใดร่างกายก็รับไม่ได้ฉันใด! ความพยายามของนาโต้ที่จะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนรบกับรัสเซียก็เป็นฉันนั้น! ทั้งนี้เนื่องจาก
– เส้นทางขนส่งและการลำเลียงส่งกำลังบำรุงทั้งหมดจากกรุงเคียฟไปยังพื้นที่อื่น ๆ แทบทำไม่ได้เลย – เสบียงอาหารขาดแคลนอย่างหนัก เพราะกองทัพยูเครนนั้นก็ไม่ต่างกับกองทัพของประเทศเกษตรกรรม คือ ไม่มีระบบสำรองอาหาร จึงขาดแคลนทั้งเครื่องแบบ อาหาร น้ำ และการสื่อสารก็ถูกตัดขาด
- ชาวยูเครนแท้ ไม่ต้องการทำสงคราม เพราะเคยเป็นส่วนของสหภาพโซเวียตมาก่อน แต่ถูกกองกำลังของนาโต้มาบังคับบงการให้รบกับรัสเซีย ถึงสู้ไม่ได้ก็ไม่ให้ยอมแพ้ ผลักหลังจะให้สู้อย่างเดียว ทั้งที่ไม่พร้อมที่จะรบแล้ว
ที่สำคัญทหารยูเครนนั้นกำลังโดดเดี่ยวว้าเหว่เนื่องจากอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ครอบครัวพี่น้องอพยพหลบภัยไปนอกประเทศกว่า 10 ล้านคนแล้ว บ้านเรือนก็ร้าง ติดต่อใครก็ไม่ได้ ขวัญสู้รบจึงไม่มี ส่วนใหญ่จึงต้องการให้มีการเจรจาสันติภาพ
แต่ตัวตลกไม่เป็นตัวของตัวเอง จะรบหรือสงบศึกขึ้นอยู่กับนาโต้ แม้ใจอยากจะรบก็ไม่มีความพร้อมรบ จึงร้องเรียกขอแต่ความช่วยเหลือทั้งอาวุธและเงิน แต่ก็ไม่มีใครช่วยเหลือ จึงอยู่ในสภาพที่เป็นคนก็ไม่ใช่ เป็นปีศาจก็ไม่เชิง รอว่าจะถูกนาโต้จัดการเอาวันไหน หรือรัสเซียหมั่นไส้ขึ้นมาจริง ๆ ก็อาจจะถล่มให้เป็นเถ้าถ่านไปก็ไม่แน่ แต่คาดว่ารัสเซียจะคงปล่อยให้ตัวตลก ๆ แสดงบ้า ๆ บอ ๆ ต่อไป เพราะไม่ต้องศึกษาทำความเข้าใจกับคนใหม่ที่จะถูกอุปโลกขึ้นให้เสียเวลา
- ความช่วยเหลือจากนาโต้แทบทำไม่ได้แล้ว เช่น สหรัฐฯแถลงว่าส่งเครื่องบินไปให้ยูเครนเพื่อรบกับรัสเซีย แต่ปรากฎว่าไม่มีตัวเครื่องบิน เพราะขืนไปเข้าไปก็ถูกยิงถล่ม เนื่องจากรัสเซียคุมน่านฟ้ายูเครนได้
ดังนั้นจึงส่งอุปกรณ์เพื่อไปประกอบเป็นเครื่องบินแต่ไม่สามารถประกอบได้ในยูเครน เพราะโรงงานถูกถล่มหมดแล้ว หากจะเดินหน้าส่งต่อไปก็คงต้องส่งไปประกอบที่เยอรมัน ซึ่งอีกกี่เดือนกี่ปีจึงจะแล้วเสร็จก็ไม่มีใครบอกได้ ส่วนการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ถ้าเป็นปืนขนาดเล็กก็พอลักลอบขนเข้าไปได้ แต่ถ้าเป็นปืนใหญ่ก็จะถูกดาวเทียมรัสเซียตรวจจับได้และจะถูกถล่มจนใคร ๆ ก็ไม่กล้าขนยุทโธปกรณ์เหล่านี้อีกแล้ว เพราะกลายเป็นตัวล่อเป้าขีปนาวุธของรัสเซีย แม้ลักลอบเข้าไปได้บ้าง เส้นทางก็ถูกตัดขาด
โดยสภาพเช่นนี้นักการทหารย่อมสามารถมองเห็นชัยชนะและปราชัยได้ชัดเจนแล้ว!!! แต่รัสเซียคงจะไม่รีบร้อนรวบรัด เพราะมุ่งการสถาปนาความมั่นคง การฟื้นฟูการบริหารการปกครองดินแดนที่แยกตัวออกมา และคืนความเป็นปกติให้แก่พื้นที่โดยเร็วที่สุด
ยิ่งเป็นปกติเร็วเท่าใด พื้นที่ข้างเคียงก็จะพากันลงประชามติมารวมกับรัฐอิสระหรือรัสเซียเอง!!! เมื่อสภาพในยูเครนเป็นเช่นนี้ รัสเซียและจีนจึงเริ่มมากดดันอิสราเอล ในตะวันออกกลาง เพื่อแสดงจุดยืนเป็นหนึ่งเดียวกับ ซาอุและประเทศอาหรับซึ่งเปลี่ยนขั้วไปร่วมมือกับ องค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้เรียบร้อยแล้ว
