จากที่เพจ เยาวชนปลดแอก ซึ่งเป็นเพจหลักและทางการของ คณะราษฎร ได้ประกาศเปิดตัวการชุมนุม และสัญลักษณ์รูปแบบใหม่ ที่เรียกได้ว่าอึ้งทั้งขบวน โดยการชูสัญลักษณ์ “คอมมิวนิสต์” ซึ่งเป็นความขัดแย้งกับสิ่งที่เรียกร้องเป็นอย่างมากนั้น
ประกาศเปิดตัว RT MOVEMENT – ทีมข้อเดียวมูฟเมนท์
นี่คือ MOVEMENT ครั้งใหม่ที่จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม ปลุกสำนึกทางชนชั้นของเหล่าแรงงานผู้ถูกกดขี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานออฟฟิศ แม่บ้าน รปภ. นอกเครื่องแบบ ชาวนา ข้าราชการ “เราทุกคนล้วนเป็นแรงงานผู้ถูกกดขี่”
RT MOVEMENT นี้ ไม่มีแกนนำ ไม่ตั้งเวที ไม่มีการ์ด ไม่มีรถห้องน้ำ ไม่มีการเจรจา ไม่มีการต่อรอง!
มาร่วม RESTART THAILAND เพื่อสร้างสังคมที่ “คนเท่ากัน” โปรดรอติดตามช่องทางที่จะใช้เพื่อทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นเร็วๆนี้
ล่าสุดวันนี้(8 ธ.ค.63) นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำคณะราษฏร 2563 ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ชูสามนิ้ว โดยระบุว่า
ส่วนตัว ผมชอบสัญลักษณ์ทางการเมืองนี้มาก ผมว่ามันกลางๆและยืดหยุ่นดี
- ในแง่ความหมาย มันแสดงออกถึงความเป็นคนที่เท่ากันได้กว้าง นุ่ม และละมุน รวมทั้งแสดงถึงจุดร่วมที่ยืดหยุ่น
2.ในแง่การแสดงสัญญะ มันง่ายมากที่ไม่ต้องพก เขียน พิมพ์ อะไรเลย เจอหน้ากันชู 3 นิ้วก็เป็นอันเข้าใจ
ลมหนาวพัดมาแล้ว การก่อกองไฟล้อมวงสนทนา เป็นสิ่งที่น่าทำยิ่งนัก สหายเอ๋ย…
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความว่า #ราชประชาสมาสัย ติดตามดูจะพบว่า เยาวชนปลดแอก พยายามที่จะปลุกกระแส “RT” หรือ Restart Thailand แต่ถ้าดูในสาระแล้วน่าจะเป็น Revolution Thailand มากกว่า เพราะเนื้อหาสาระเน้นไปที่การปลุกระดม สร้างความแตกแยก หวังจะให้เกิด Republic of Thailand
แม้การชุมนุมจะฝ่อลง เพราะแนวร่วมไม่เล่นด้วย แต่ผู้ที่กำกับบท ไม่ละความพยายามเปลี่ยนรูปแบบ ปลุกระดม เรื่องสังคมที่เท่าเทียม เพื่อหวังผลสร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง นำไปสู่สงครามปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ
ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง พฤติกรรมของผู้อยู่เบื้องหลัง อย่างที่พวกเราได้เห็นคือ พี่จ้องล้มล้างสถาบัน แต่น้องจ่ายเงิน หวังได้ที่ดินสถาบัน หรือแม้แต่การปลุกระดมลูกหลานประชาชนไม่ใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน แต่ลูกตัวเองกลับใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน
นับวันยิ่งบ่งบอกว่า เยาวชนปลดแอก เดินหน้าแบบท่องบท ไม่ลืมหูลืมตาดูความเป็นจริงของสังคม ดำเนินกิจกรรมตามบทที่ชักใย ไม่รู้รากความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ กับประชาชน ดังนั้นทางออกของประเทศต้องจบที่ “ราชประชาสมาสัย” ไม่ใช่สร้างสงครามปฏิวัติ
ที่มา : เฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา