ตัวเต็งปธน.ฝรั่งเศส โดนอียูฟ้องปิดปาก ในข้อหาใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ไม่กล้าฟันธงว่า “คอร์รัปชัน”

1263

ยุโรปเล่นไม่ซื่อ!? ตัวเต็งปธน.ฝรั่งเศส โดนอียูฟ้องปิดปาก ในข้อหาใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ไม่กล้าฟันธงว่า “คอร์รัปชัน” ขณะประกาศถอนตัวจากนาโต!?

เป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะนี้ทางฝั่งยุโรปกำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษเห็นทีจะเป็นทางด้านของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมี 2 ขั้วอำนาจที่ให้การสนับสนุน อียู และนาโต อย่าง แอมานุแอล มาครง ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีอยู่ในขณะนี้ กับผู้ท้าชิง มารีน เลอ แปง ซึ่งชัดเจนว่า ต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของ นาโต

น่าสนใจเข้าไปใหญ่เมื่อผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆในประเทศฝรั่งเศส พบว่า มาครง มีคะแนนนิยมนำหน้า มารีน เลอ แปง เพียงเล็กน้อยในศึกเลือกตั้งรอบ 2

อีกทั้งทางด้านของ มารีน เลอ แปน ยังยืนยันด้วยว่า หากเธอโค่น มาครง ลงได้ในศึกเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศส เธอจะดึงฝรั่งเศสออกจากโครงสร้างการบังคับบัญชาทางทหารของนาโต้ และลดการสนับสนุนความเป็นสหภาพยุโรป (อียู)

ความเคลื่อนไหวของ มารีน เลอ แปน ถือว่าสั่นคลอนทั้ง อียู และนาโต ซึ่งหาก มารีน เลอ แปน ได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส อาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนล่าสุดทางด้านของ สำนักงานอัยการในปารีส ยืนยันว่ากำลังอยู่ระหว่างศึกษารายงานฉบับหนึ่งที่พวกเขาได้รับจาก OLAF หน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันของอียู

โดยทางด้านของ OLAF ได้อ้างว่า มารีน เลอ แปน ใช้เงินสาธารณะไม่เหมาะสม 140,000 ยูโร รวมถึงสมาชิกพรรคของเธอใช้เงินทุนอียูในทางที่ผิดรวม 617,00 ยูโร ซึ่งน่าสนใจว่าทั้งหมดที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่า กอบโกยผลประโยชน์จากเงินทุนดังกล่าว แต่อ้างเพียงแค่นำเงินดังกล่าวนั้นซึ่งเป็นของอียู ไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแก่เจ้าหน้าที่

ต่อมาทางด้านของ จอร์แดน บาร์เดลลา ประธานพรรคเนชั่นแนล แรลลี ของ มารีน เลอ แปน ออกมาตอบโต้ว่า “ฝรั่งเศสจะไม่ถูกหลอกจากความพยายามของสหภาพยุโรปและสถาบันยุโรป ที่แทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีและมุ่งทำร้าย มารีน เลอ แปน”

ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 เม.ย.65 ได้มีรายงานว่า มารีน เลอ แปง ได้ให้สัมภาษณ์แฉสหรัฐฯสุดสะเทือน กับสื่อท้องถิ่น BFM TV ถึงประเด็นที่ “อเมริกาที่จะขายก๊าซธรรมชาติเหลวแก่เรา และทำกำไรอย่างงดงามจากมัน ควรโอนเงินให้ฝรั่งเศสเป็นค่าชดเชยสำหรับมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย” อีกทั้งยังได้มีการเน้นย้ำถึง “สหรัฐฯ ควรจ่ายเงินชดเชยแก่ฝรั่งเศส สำหรับความเสียหายต่างๆ หากว่าอียูกำหนดมาตรการแบนนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย”