จากกรณีที่เมื่อวันที่ 5 เม.ย.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเยปเป โคฟอด รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเดนมาร์ก ระบุในงานแถลงข่าวว่า เดนมาร์กจะขับนักการทูตรัสเซีย 15 คนออกนอกประเทศ
เพื่อตอบโต้การกระทำอันโหดร้ายทารุณและการก่ออาชญากรรมสงครามของรัสเซียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองบูจา และเพื่อส่งสารที่ชัดเจนไปยังรัสเซียว่า เดนมาร์กไม่ยอมรับการจารกรรมในดินแดนเดนมาร์ก หลังจากสำนักงานข่าวกรองและความมั่นคงของเดนมาร์กออกรายงานเมื่อต้นปีนี้ว่า สถานทูตรัสเซียจ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองหลายรายทำการจารกรรมในเดนมาร์ก
อย่างไรก็ดี กระทรวงต่างประเทศเดนมาร์กระบุเพิ่มเติมว่า เดนมาร์กไม่ได้ต้องการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย และคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเอกอัครราชทูตรัสเซียและสถานทูตรัสเซียประจำเดนมาร์ก
ในขณะเดียวกัน นายลุยจิ ดิ ไมโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิตาลี ได้ประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 30 คนออกนอกประเทศ เนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับข้อวิตกกังวลด้านความมั่นคง ทั้งนี้ การประกาศขับนักการทูตรัสเซียพ้นประเทศของเดนมาร์กและอิตาลีเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอียู เช่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี ที่ประกาศขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศเมื่อวันจันทร์
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี ของรัสเซีย รายงานว่า รัฐบาลรัสเซียจะตอบโต้การใช้คำสั่งในลักษณะเดียวกันกับประเทศของประเทศสมาชิกอียูในเร็ว ๆ นี้
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลของประเทศไอร์แลนด์, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ออกคำสั่งขับไล่เจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซีย จำนวนรวม 43 คน ออกจากประเทศ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยข้อสงสัยว่าเป็นสายลับ ตามรอยชาติสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ รวมถึงโปแลนด์ ที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้
นางโซฟี วิลเมส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเบลเยียม บอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า เจ้าหน้าที่ 21 คนที่สถานทูตรัสเซียในกรุงบรัสเซลส์ กับสถานกงสุลในเมืองอันท์เวิร์ป ถูกขอให้ออกจากประเทศภายในเวลา 2 สัปดาห์ โดยการขับไล่ครั้งนี้เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ
เธอเสริมด้วยว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเป็นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศสั่งขับไล่นักการทูตรัสเซีย 17 ราย ที่ต้องสงสัยว่า มีแบบปฏิบัติการโดยลับในฐานะเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง
ขณะที่ นายไมเคิล มาร์ติน นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ บอกกับเหล่า ส.ส.ว่า รัฐบาลของเขาขับไล่ทูตรัสเซีย 4 คนหลังได้รับคำแนะนำด้านความมั่นคงจากสำนักงานข่าวกรอง ส่วนเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐเช็ก บอกกับสำนักข่าว เอเอฟพี ว่า ทูตที่ถูกขับออกจากประเทศคือ อัครราชทูตรัสเซีย เพื่อลดเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซียในสหภาพยุโรป
ด้านสถานทูตรัสเซียในกรุงดับลิน ของไอร์แลนด์ ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเจ้าหน้าที่ของพวกเขาเป็นสายลับ ระบุเป็นการตัดสินใจอย่างไม่มีเหตุผล และเรื่องนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับไอร์แลนด์แย่ลงไปอีก
ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน โปแลนด์ออกคำสั่งขับนักการทูตรัสเซีย 45 คนออกจากประเทศ เนื่องจากต้องสงสัยว่าจารกรรมข้อมูล ขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม บัลแกเรีย, ลิทัวเนีย, ลัตเวีย และเอสโตเนีย ก็ดำเนินการขับเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซีย 20 คน ออกจากประเทศ ฐานเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ขัดแย้งกับสถานะทางการทูตของพวกเขา