จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (1 เมษายน 2565) ทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ในสงครามยูเครน-รัสเซีย โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวรอยเตอร์และกองทัพรัสเซีย โดยระบุว่า
ประธานาธิบดีแห่งยูเครน ที่เมื่อก่อนเป็นนักแสดงซีรีย์ตลกธรรมดา เขาเป็นประธานาธิบดียูเครน มีเงินเดือนราว 31,600 บาท ได้เพียง 2 ปีกว่า เขากลับมีบ้านอยู่ใจกลางลอนดอน อังกฤษ สหรัฐ ทรัพย์สินต่างๆ อยู่ทั่วโลกมากถึง 1,424 ล้านดอลลาห์ ( ราว 47,000 ล้านบาท) ได้รับสัญชาติอเมริกัน ทำให้เขาไม่อะไรผูกพันต่อยูเครนที่ไม่เหลืออะไรให้กอบโกยอีกแล้ว สงครามในยูเครนนั้น สหรัฐ และ NATO ต้องการสร้างให้ที่นี่กลายเป็น “อัฟกานิสถาน Version2” โดยใช้นายเซเลนกี้ เป็นผู้ผลักดันให้เป็นสนามรบ
หวังให้รัสเซีย ติดหล่มสงคราม ใช้เงินจนกรอบ แบนเงินไม่ให้เข้ารัสเซีย บีบให้ชาวรัสเซียก่อม็อบเผาบ้านเผาเมืองตามสูตรถนัด แต่ผิดคาดไปหมด เพราะรัสเซีย “ล้อมโดยไม่รบ” แต่ใช้อาวุธไฮเทค และอาวุธหนักแทน ทำให้ทหารรัสเซียสามารถสับเปลี่ยนกำลัง บำรุงรักษายุทโธปกรณ์ตามสบาย ปล่อยให้โดรน อาวุธนำวิถีเลเซอร์ ขีปนาวุธความแม่นยำสูง ถล่มกองทัพยูเครน และกองพันของ NATO จนสูญเสียอาวุธ กำลังพล และเกิดอาการเครียด จิตตก ขาดเสบียง น้ำดื่ม ยารักษาโรค
ขณะนี้องค์กรสิทธิมนุษยชนตะวันตก ได้ออกมายอมรับแล้วว่าที่ผ่านมา กองทัพยูเครน และกองพันของ NATO ใช้ชาวบ้านยูเครน “เป็นโล่มนุษย” โดยการตั้งฐานยิงอาวุธไว้ตามอาคารที่พักอาศัยประชาชน และข่มขู่ชาวยูเครนห้ามออกจากเมือง ใครฝ่าฝืนจะถูกสังหาร โดยกองทัพยูเครนก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริง โดยอ้างว่า “มาตรฐานโลกใช้ที่ยูเครนไม่ได้ จะต้องใช้ชีวิตประชาชนมาปกป้องทหาร และประโยชน์ในการสู้รบ”
ดังนั้นหน้าที่สำคัญของกองทัพรัสเซีย ก็ต้องปรับเป็น “ปกป้องชีวิตชาวยูเครน จากทหารยูเครน และนักรบNATO” ทำให้ไม่อาจตะลุยแหลกให้จบๆ ไปโดยไวได้ ภาระกิจในแต่ละวันของทหารรัสเซีย กลายเป็น “ภาระกิจกู้ภัย และบรรเทาทุกข์” แทนการรบปะทะ โดยกองทัพรัสเซีย ตั้งคณะเข้าบริหารราชการในเมืองที่ถูกปลดปล่อยประชาชนปลอดภัยแล้ว
และทำนโยบายประชานิยม โดยแจกเงินให้ชาวบ้านคนละ 10,000 รูเบิ้ล พร้อมแจกอาหาร ยารักษาโรค ของใช้จำเป็นไม่อั้น เพื่อให้ชาวบ้านดำรงชีวิตพื้นฐานอยู่ได้ช่วงเปลี่ยนผ่านผู้ปกครองพื้นที่ โดยมีชาวบ้านออกมาเดินตามท้องถนนกันมากขึ้น เด็กๆ ออกมาเล่นเตะฟุตบอลกับทหารรัสเซีย และมามุงดูพร้อมขอจับมือ ชาวบ้านต่างให้สัมภาษณ์ว่า ทหารรัสเซียเป็นมิตร มนุษยสัมพันธ์ดี ไม่เหมือนสิ่งที่ทางการยูเครนบอกไว้..ภาพแห่งผู้ปกป้องและมิตรภาพต่อกันแบบนี้คงไม่ปรากฎในสื่อตะวันตกและสื่อไทย