สเปน วุ่นหนัก! ปชช.ออกประท้วงน้ำมัน-ค่าไฟแพง! หลังรวมหัว “สหรัฐฯ” คว่ำบาตรรัสเซีย

1873

สเปน วุ่นหนัก! ปชช.ออกประท้วงน้ำมัน-ค่าไฟแพง! หลังรวมหัว “สหรัฐฯ” คว่ำบาตรรัสเซีย

จากกรณีที่ สื่อต่างประเทศรายงานว่า ชาวสเปนหลายพันคนชุมนุมประท้วงน้ำมัน และค่าไฟแพง เตือนจะไม่เลิกประท้วงจนกว่าจะขับไล่รัฐบาลได้ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายขวาของสเปนหลายพันคนชุมนุมที่กรุงมาดริด เมื่อวานนี้ ประท้วงภาวะพลังงานแพง ทั้งน้ำมัน และค่าไฟ

โดยแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายขวาสลับกันขึ้นกล่าวปราศรัย เตือนจะไม่เลิกประท้วงจนกว่าจะขับไล่รัฐบาลได้ เพราะเอาแต่โทษสงครามในยูเครน ว่าทำให้น้ำมันแพง ค่าไฟแพง แต่จริงๆ แล้วน้ำมันและไฟฟ้าแพงขึ้นมาก่อนแล้ว รัฐบาลเพียงใช้เป็นข้ออ้าง เหมือนที่เคยโทษการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลควรเร่งหามาตรการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงานจะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม สเปน ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในลิสต์รายชื่อของประเทศและดินแดนที่ไม่เป็นมิตร ต่อพลเมืองและกิจการของรัสเซีย

ทั้งนี้ วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงาน สเปนได้ยึดเรือยอชต์มูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,687 ล้านบาท) ของผู้มีอำนาจชาวรัสเซียคนหนึ่ง โดยแหล่งข่าวสองรายให้ข้อมูลว่าเรือลำดังกล่าวเป็นของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจรอสเทค (Rostec) ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีรัสเซีย “วลาดิมีร์ ปูติน”

“วันนี้เราได้ยึด หรือศัพท์ทางเทคนิคใช้คำว่าตรึงชั่วคราว เรือยอชต์ลำหนึ่งซึ่งเป็นของหนึ่งในผู้มีอำนาจหลัก” นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ผู้นำสเปน กล่าวในรายการโทรทัศน์ พร้อมกล่าวเสริมด้วยว่า “เรากำลังพูดถึงเรือยอชต์ที่เราประเมินว่ามีมูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ”

แหล่งข่าวทั้งสองรายกล่าวว่า ซูเปอร์ยอชต์ “วาเลอรี” ความสูง 85 เมตร เป็นของ “เซอร์เก เชเมซอฟ” อดีตเจ้าหน้าที่เคจีบีที่เป็นผู้บริหารกลุ่มบริษัทรอสเทค เรือลำดังกล่าวมีการแสดงธงของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ โดยจดทะเบียนในชื่อลูกเลี้ยงของเชเมซอฟที่ชื่อ “อนาสตาเซีย อิกนาโตวา” ผ่านบริษัท บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ตามข้อมูลจากแพนโดราเปเปอร์สที่รั่วไหลออกมาเมื่อปี 2564

ชาติตะวันตกคว่ำบาตรมหาเศรษฐีรัสเซียหลายคน รวมถึงอายัดทรัพย์สินและตัดภาคธุรกิจของรัสเซียออกจากระบบเศรษฐกิจโลก หลังรัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ส่วนตัวของเชเมซอฟนั้นไม่ได้อยู่ในรายชื่อล่าสุดที่ยุโรปคว่ำบาตร แต่สหภาพยุโรปเคยออกมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่เขาแล้ว เมื่อปี 2557 ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรที่สหภาพยุโรปจะใช้กับรัสเซียนั้น จะมีการประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปเมื่อปี 2558 รัฐมนตรีต่างประเทศของสเปน ในขณะนั้น ได้เคยออกมาเปิดเผยว่ามาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซียจากเรื่องวิกฤติยูเครน ทำให้สหภาพยุโรปต้องสูญเสียมูลค่าการส่งออกไปราวๆ 21 พันล้านยูโร (ประมาณ 7.8 แสนล้านบาท)

“มาตรการคว่ำบาตรทำให้เราทุกคนเสียหายหนักมาก จนถึงตอนนี้สหภาพยุโรปเสียมูลค่าการส่งออกไปแล้ว 21 พันล้านยูโร ส่วนในสเปนเราได้รับผลกระทบอย่างหนักในเรื่องสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยว” โฮเซ มานูเอล การ์เซีย-มากัลลอ บอกนักข่าว

ที่ผ่านมาชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปเริ่มที่จะมีความเห็นแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียที่ดำเนินการกันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เนื่องจากชาติสมาชิกบางรายเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ของตนกับดินแดนหมีขาว

ทั้งนี้ จากข้อมูลตัวเลขของสหภาพยุโรป ตัวเลขการส่งออกสินค้าจาก 28 ชาติสมาชิกอียู ไปขายให้กับรัสเซียในปี 2013 คิดเป็นมูลค่า 119 พันล้านยูโร รัฐมนตรีต่างประเทศของอียูหลายรายต่างพากันเห็นพ้องที่จะให้มีการพูดคุยกันอีกกับอริของยูเครนรายนี้ในการประชุมที่บรัสเซลส์ แต่พอการประชุมสันติภาพ 4 ฝ่ายที่กรุงมินสก์ในสัปดาห์นี้เริ่มส่อเค้าไม่ค่อยดี ทำให้พวกเขาต้องกลับมาคิดกันอีกครั้ง