หลังจากที่มีรายงานว่าคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียและยูเครนกำหนดเจรจากันต่อผ่านระบบวิดีโอเมื่อวันที่ 16 มี.ค. เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการเจรจาที่นานเกินกว่า 1 วัน ครั้งแรก และสองฝ่ายมองว่าเป็นการเจรจาที่จริงจังขึ้นอีกขั้น ส่วนการเจรจาที่ผ่านมามีความคืบหน้าเพียงเรื่องการหยุดยิงชั่วคราวและการเปิดเส้นทางอพยพนั้น
ขณะที่สถานการณ์การรับมือในฝั่งไทยบ้านเรา พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศรัสเซีย และ ยูเครน ว่า สำหรับผลกระทบของประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลได้แจ้งให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ตนในฐานะดูแลนโยบายด้านความมั่นคง และ แนวทางต่าง ๆ ได้สรุปและประเมินสถานการณ์เสนอแนวทางต่าง ๆ ให้รัฐบาลผ่านทางนายกฯและครม.แล้ว ซึ่งนายกฯได้มีมาตรการที่สำคัญที่จะแก้ไขเรื่องนี้ เพราะถือเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจ พลังงาน และโยงไปถึงความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะการเกษตร ซึ่งรัฐบาลได้ทยอยมีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ก็จะมีออกมาอีกที่จะช่วยเหลือประชาชน
พล.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่าในแง่มุมของไทยเราจะมีการพิจารณาหลายเรื่อง ซึ่งความขัดแย้งต่างๆก็ว่ากันไป แต่สิ่งที่เราคำนึงมากที่สุดผลประทบที่เกิดขึ้นกับเรา โดยจะพิจารณาดูว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะสั้นหรือจะยาวถ้าสั้นจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือหากยาวจะเตรียมแผนอย่างไร เราคำนึงถึงความมันคงของเรากับความเป็นอยู่ของประชาชนระบบเศรษฐกิจของเราเป็นหลัก
เมื่อถามว่าตั้งหน่วยงานขึ้นมาเหมือนศบค. เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าไม่มี ในสภาสมช.ซึ่งมีนายกฯเป็นประธาน และตนเป็นเลขาฯ จะมีคณะอนุกรรมการ ที่ตั้งไว้แล้วเพื่อแก้ปัญหาความมั่นคง และแก้ไขปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งกลไกนี้ขับเครื่องตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่าไม่เป็นข่าว และ มีการสรุปทุกเรื่องและรายงานนายกฯ จนมีมาตรการออกมาช่วยเหลืออย่างที่เราเห็น
ส่วนช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศไทยมีอะไรต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าไม่มี ซึ่งเหตุการณ์นี้เท่าที่ดูเหมือนจะมีแนวโน้มไปในแนวทางที่ดี การเจรจารู้สึกว่าจะกระชับมากขึ้น เราก็หวังว่าเหตุการณ์จะยุติในระยะสั้น แต่สิ่งที่กระทบคือเหตุการณ์ครั้งนี้มีการคว่ำบาตร และ แซงชั่นกันทางเศรษฐกิจกันอย่างกว้างขวาง ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจซึ่งทั่วโลกก็ได้รับหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารับทราบและระมัดระวังมาตลอด ส่วนประเด็นความมั่นคงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนยูเครน และ คนรัสเซีย หรือภาพรวมของประเทศไทย ทางหน่วยความมั่นคงได้แจ้งเตือนและเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุพจน์ กล่าวปิดท้ายว่า สงครามครั้งนี้นอกจากเขาสู้รบกันที่ยูเครน ทั่วโลกก็รบกันด้วยระบบเศรษฐกิจ รบกันด้วยระบบข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าทุกฝ่ายมีความระมัดระวังเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล