จากกรณีที่ สหภาพยุโรป (EU) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีผลบังคับใช้ในทันที
โดยมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย และธนาคารบางแห่ง รวมทั้งสมาชิกรัฐสภารัสเซียที่ได้ลงมติเห็นชอบต่อการอนุมัติร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ฝักใฝ่รัสเซีย
ทั้งนี้ ผู้ที่มีรายชื่อถูกคว่ำบาตรดังกล่าว จะถูกอายัดทรัพย์สินที่มีอยู่ใน EU และจะไม่สามารถเดินทางไปยัง EU แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ไม่อยู่ในรายชื่อบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรแต่อย่างใด
นอกจากนี้ EU ยังคว่ำบาตรธนาคารบางแห่งของรัสเซียที่ให้การสนับสนุนกองทัพรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใน EU
EU ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ประกาศนั้น ถือเป็นการคว่ำบาตรรอบแรก ก่อนที่จะมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นตามมา ในกรณีที่ปธน.ปูตินสั่งการให้กองทัพรัสเซียทำการโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ทางการอังกฤษประกาศคว่ำบาตร 7 บุคคลผู้มีอำนาจชาวรัสเซีย โดยจะถูกยึดทรัพย์และห้ามเดินทางเข้าอังกฤษ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ทำสงครามรุกรานยูเครน
ทางด้าน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้กล่าวในการประชุมทางโทรทัศน์ของรัฐบาลว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะดีดตัวกลับคืนสู่ฝั่งตะวันตก รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก หากชาติตะวันตกยังคงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการขนส่งสินค้าของรัสเซียต่อไป ราคาของต่าง ๆ ก็จะสูงขึ้น ส่งผลกระทบที่ขั้นตอนสุดท้ายคือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร
สำหรับการคว่ำบาตรเรื่องพลังงานของรัสเซีย ตอนนี้สหรัฐและยุโรปก็เริ่มเห็นผลลัพท์แล้ว กับราคาของสิ่งต่างๆที่สูงขึ้น และตอนนี้พวกตะวันตกก็ต้องหันไปทำข้อตกลงกับประเทศต่างๆที่พวกเขาเคยคว่ำบาตรมาก่อนเช่น อิหร่าน หรือ เวเนซุเอลา แต่สิ่งนี้ ไม่ใช่ความผิดของรัสเซียเลย อย่างไรก็ดี รัสเซียจะยังคงส่งออกน้ำมันและก๊าซอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขนส่งก็าซในยูเครนก็ยังทำเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ปูตินได้ยืนยันว่า รัสเซียจะเอาชนะมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตกได้อย่างแน่นอน ชาวรัสเซียอาจกังวลกับการหยุดชะงักในเรื่องต่างๆ แต่รัสเซียจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ รัฐบาลรัสเซียจะเข้าเทคโอเวอร์บริษัทต่างชาติหรือโรงงานที่ถอนตัวออกไป จากนั้นจึงค่อนส่งต่อธุรกิจให้แก่ผู้ที่ต้องการต่อไป ผู้คนจะค่อย ปรับทิศทางของตัวเอง เศรษฐกิจจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดนี้จะเพิ่มความเป็นอิสระ เอกราช และอธิปไตยให้กับรัสเซียได้มากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ของนายพาฟโล โอเรล (Pavlo Orel) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย โดยมีเนื้อหาบางส่วนว่า ยูเครนขอให้รัฐบาลนานาชาติเรียกร้องต่อประธานาธิบดีรัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยสิ่งที่ยูเครนต้องการคือ 1) รัสเซียหยุดยิง 2) เปิดเส้นทางมนุษยธรรมให้พลเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสียชีวิตเพิ่ม สำหรับการเจรจารอบใหม่ระหว่างตัวแทนทั้งสองฝ่ายที่เริ่มต้นขึ้นวานนี้ ยูเครนยืนยันไม่รับคำขาดใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน สงครามเกิดขึ้นเพราะผู้นำรัสเซีย ยูเครนไม่ได้เริ่มสงครามแต่จะเป็นผู้หยุดสงคราม”
เมื่อถามว่า ถึงตอนนี้ดูเหมือนมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดคือการคว่ำบาตร อุปทูตยูเครน ตอบว่า คว่ำบาตรเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพบั่นทอนเศรษฐกิจรัสเซียทำให้รัสเซียหยุดสงคราม ถึงตอนนี้ถือว่าเป็นมาตรการที่ได้ผล แต่ทั่วโลกควรเพิ่มการคว่ำบาตรอีก
และเมื่อถามว่า รัสเซียจะเอาตัวรอดจากการคว่ำบาตรไปได้นานแค่ไหน
“ผมก็ไม่ทราบ แต่ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนชาวรัสเซียที่จะแสดงความเห็นว่าพวกเขาต้องการสงครามนี้จริงหรือไม่ อยากให้สงครามกลายเป็นอะไรที่มากกว่าแค่สงครามกับยูเครนหรือไม่ ชาวรัสเซียต้องตั้งคำถามกับผู้นำของตน” อุปทูตยูเครนกล่าว
อ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติม :https://www.bangkokbiznews.com/blogs/world/993617