“เกรียง” รีบออกตัวแถ หลังเตรียมถูกฟันเอาผิด ดอดบินพบ “แม้ว-ปู” นักโทษหนีคดี

1345

แก้ตัวฟังไม่ขึ้น!? “เกรียง” รีบออกตัวแถ หลังเตรียมถูกฟันเอาผิด ดอดบินคลานเข่า พบ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” นักโทษหนีคดี!

สืบเนื่องจากกรณีที่ได้มีรายงานว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่ง ได้ดอดบินเข้าพบ และรับประทานอาหารร่วมกับ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหนีคดีทุจริต ที่ได้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ ทำให้หลายๆคนต่างมองว่า การที่นักการเมืองบินไปหาผู้ต้องหาหนีคดีที่มีความผิดฐานทุจริตติดตัว มีความเหมาะสมหรือไม่

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เปิดเผยว่ารับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วพบ ว่ามีแกนนำ และส.ส.พรรคเพื่อไทย ราว 6-7 คนในพื้นที่อีสาน นำโดย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำภาคอีสาน,นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี และประธาน ส.ส.อีสาน และ นางสมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ เป็นต้น เดินทางจากประเทศไทยไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์

ซึ่ง นายทักษิณ นั้น ถูกศาลฎีกาฯพิพากษาสั่งจำคุกแล้ว 6 คดี รวมโทษ 12 ปี ยกฟ้อง 2 คดีและยังเหลือไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. อีก 2 คดี ขณะนี้ ถือว่า เป็นผู้ต้องหา หรือ นักโทษหนีคดี อยู่ในต่างประเทศ

ดังนั้น การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชนด้านนิติบัญญัติ เดินทางไปพบปะหรือ คบค้าสมาคมด้วยนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

เนื่องจากเป็นการคบหาสมาคมกับ ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือ ผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งได้

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์ณัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.นนทบุรี ในวันศุกร์ที่11มี.ค.65 เวลา 10.00 น.เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดส.ส.ทั้งหมดที่เดินทางไปพบปะนายทักษิณดังกล่าวตามครรลองของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ทางด้านของ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ก็ได้เปิดเผยว่า ตนจองทัวร์เพื่อไปสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2563 แต่ติดปัญหาโควิด ทัวร์เพิ่งแจ้งว่า เดินทางไปได้ช่วงนี้ ตนและผู้แทนในพื้นที่อีสานประมาณ 10 กว่าคน พร้อมด้วยลูกเมียรวมแล้ว 20 กว่าคนจึงเดินทางไปพักผ่อน และไปทานข้าวตามที่ทัวร์เขาจัดให้ปกติ

ซึ่งได้พบนายทักษิณ ที่ไปพร้อมกับน้องชายที่ห้องอาหารแห่งนั้นโดยบังเอิญ ต่างคนต่างนั่งโต๊ะตัวเอง เพราะทางร้านอาหารให้นั่งโต๊ะละไม่กี่คน แต่ก็ได้มีโอกาสไปนั่งร่วมโต๊ะพุดคุยกันนิดหน่อย เนื้อหาที่พูดคุยก็เป็นเรื่องทั่วไปถามสารทุกข์สุขดิบ สัพเพเหระ เพราะนานๆจะเจอกันสักครั้งไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเมืองแต่อย่างใด