หลังจากที่สหรัฐฯและชาติตะวันตกระดมคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนักแบบไม่เว้นแต่ละวัน ประหนึ่งยิงนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจใส่รัสเซียเต็มพิกัด แต่ยังละเว้นอุตสาหกรรมพลังงานของรัสซีย เมื่อตัดขาดกันขนาดนี้ ปูตินเลยจัดให้ ล่าสุด รัสเซียสั่งระงับการส่งก๊าซไปยุโรปแล้ว คราวนี้วิกฤตพลังงานของจริงต่อยุโรปเริ่มแล้ว ผลกระทบที่จะตามมาคือ อัตราเงินเฟ้อกระฉูดจากที่พุ่งสูงอยู่แล้วเนื่องจากต้นทุนสินค้าจะเพิ่มขึ้น ประชาชนยุโรปจะต้องเผชิญความยากลำบากจากความหนาวหนักขึ้น และผู้นำยุโรปทั้งหลายต้องดิ้นรนหาแหล่งก๊าซและน้ำมันจากที่อื่นซึ่งก็มีสหรัฐและกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งต้องแลกด้วยราคาแพงกว่าที่เคยได้รับจากรัสเซีย
ทั้งหมดล้วนเป็นผลจากการกระทำของสหภาพยุโรปที่เล่นตามเกมสงครามเศรษฐกิจของสหรัฐ-นาโต เพราะโรคกลัวรัสเซียขึ้นสมอง
วันที่ 6 มี.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ผู้ประกอบการท่อส่งก๊าซ ยามาล-ยุโรป(Yamal- Europe) ระงับการจ่ายก๊าซที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าการไหลของก๊าซจากรัสเซียไปยังเยอรมนีถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด
ปกติแล้วรัสเซียตอบสนองความต้องการก๊าซเกือบ 40% ของยุโรปผ่านเส้นทางนี้ และการหยุดอุปทานการส่งก๊าซอาจทำให้ราคาก๊าซในยุโรปพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ซึ่งจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาก๊าซในยุโรปทลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว
ราคาก๊าซและน้ำมันที่แพงขี้นจากสงครามยูเครน ทำให้ราคาสาธารณูปโภคในบางประเทศในยุโรปได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ท่ามกลางการคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติยมาล-ยูโร (Yamal–Europe) มีความยาว 4,107 กิโลเมตร หรือ 2,552 ไมล์ เชื่อมต่อแหล่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียในคาบสมุทรยามัล และไซบีเรียตะวันตกกับโปแลนด์และเยอรมนี ผ่านเบลารุส
ส่วนของท่อส่งก๊าซของรัสเซียเป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Gazprom ส่วนเบลารุสเป็นของแแก๊ซพรอม (Gazprom) และดำเนินการโดยแก๊ซพรอม ทรานซ์แก๊ซเบลารุส (Gazprom Transgaz Belarus) ส่วนที่โปแลนด์เป็นเจ้าของและดำเนินการโดยอียูโรโพล แก๊ซ เอสเอ (EuRoPol Gaz SA) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของพีจีเอ็นไอจี (PGNiG) ของโปแลนด์ร่วมทุนกับรัสเซียก๊าซพรอม (Russian Gazprom)
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังแสวงหาแหล่งพลังงานจากประเทศอื่นเพื่อแทนที่การนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังยุโรป หากรัสเซียปิดท่อก๊าซธรรชาติ ขณะที่ทางยุโรปคาดหวังจากกาตาร์ หนึ่งในผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่กล่าวว่า ณ ขณะนี้ยังไม่เห็นวิธีที่จะสามารถทดแทนปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปต้องการได้
ข้อมูลจากหน่วยงานความร่วมมือเพื่อกำกับดูแลกิจการพลังงานยุโรป (European Union Agency for the Cooperation of Energy Regulators: ACER) แสดงให้เห็นว่าแหล่งพลังงานของประเทศใดบ้างในยุโรปที่จะมีความเสี่ยงมากที่สุดในกรณีที่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
โดยพบว่าในบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักของยุโรป เยอรมนีนำเข้าก๊าซธรรมชาติราวครึ่งหนึ่งจากรัสเซีย ในขณะที่ฝรั่งเศสนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาวเพียง 1 ใน 4 ของความต้องการใช้งานทั้งหมดในประเทศ โดยแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสคือนอร์เวย์ คิดเป็นสัดส่วน 35% ขณะที่อิตาลีจะได้รับผลกระทบหนักเช่นกันจากการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากถึง 46%
ส่วนสหราชอาณาจักรถือว่าพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียน้อยมาก โดยดึงก๊าซธรรมชาติครึ่งหนึ่งมาจากแหล่งผลิตในประเทศและส่วนใหญ่นำเข้ามาจากนอร์เวย์และกาตาร์ ส่วนสเปนก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซีย เพราะมีแอลจีเรียและสหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด
ขณะที่ประเทศเล็กๆ ในยุโรปบางประเทศ พึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 100% เช่น มาซิโดเนียเหนือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอลโดวา ส่วนที่ฟินแลนด์และลัตเวียก็พึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเกินกว่า 90% ส่วนเซอร์เบียก็เช่นกัน ต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้านอย่างรัสเซียมากถึง 89% เลยทีเดียว
ผลกระทบที่ยุโรปต้องเผชิญจากการร่วมมือกับสหรัฐ-นาโตคว่ำบาตรสาหัสกับรัสเซีย เห็นชัดขึ้นแล้วว่าจะต้องพบกับอะไรบ้าง คงโทษรัสเซียไม่ได้เพราะ ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวยละกัน??