นายกรมต.ญี่ปุ่นประกาศดันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้านอิทธิพลจีน?!? จับมืออินโดนีเซียพัฒนาความมั่นคงทางทหาร

2091

สื่อจาร์กาตา รายงานการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น นายโยชิดะ ซูงะ ยังประเทศอินโดนีเซียในวันพุธ 21 ตุลาคม 2563 ในการประชุมที่จาร์กาตา ประกาศจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มสมรรถภาพกองทัพเรือเพื่อความมั่นคงทางทะเล และใช้การเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งว่า เป็นบทบาททางยุทธศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นในการเป็นผู้นำพาพันธมิตรนานาชาติ ร่วมมือกันต้านอิทธิพลจีนในภูมิภาคนี้ ข้ออ้างเพื่อสันติภาพและความเจริญยั่งยืน แต่เดินสายขายอาวุธ เหล่านี้คือภาพสะท้อนภารกิจขอกลุ่มพันธมิตรQUAD ที่แท้จริงในอาเซียนว่า เพื่อตอบสนองความมั่นคงสหัฐตามแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิคปิดล้อมจีนนั่นเอง สำนวนไทยเรียกว่า “อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่”

นายกรัฐมนตรีโยชิดะ ซูงะแห่งญี่ปุ่น กล่าวขณะเยือนเมืองหลวงจาร์กาตา ของประเทศอินโดนิเซีย เพื่อแสดงบทบาทรวมพันธมิตรต่อต้านอิทธิพลของจีนต่อทะเลจีนใต้อย่างเปิดเผย เมื่อจีนได้แสดงความเป็นเจ้าของครอบครองหมู่เกาะพิพาท และเพิ่มแสดงแสนยานุภาพทางทหารอย่างแข็งกร้าว ในพื้นที่ทำการประมงและเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าย่านนี้ หลายประเทศในอาเซียนที่มีพื้นที่ทับซ้อนในเขตพิพาท ต่างขัดแย้งกับประเทศจีนที่อ้างถือสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ มาแต่โบราณ

“ในเส้นทางอินโด-แปซิฟิค ที่เชื่อมโยงระหว่างญี่ปุ่นและอาเซียน เราสามารถดำรงความสำเร็จในสันติภาพและความมั่งคั่งด้วยการยอมรับกฏหมาย ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนมีอิสรภาพและเปิดกว้าง” ซูงะกล่าวในการประชุมที่จาร์กาตา อาเซียนประกอบไปด้วสมาชิก 11 ประเทศ

“แต่ในน่านน้ำทะเลจีนใต้ มีการปฏิบัติการที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรเป็นดังกล่าว และเนากำลังจับตาอยู่ด้วยความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่”…”ญี่ปุ่นคัดค้านทุกการกระทำที่อาจเพิ่มความขัดแย้งในทะเลจีนใต้”

ซูงะกล่าวว่าสมาชิกผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในน่านน้ำทะเลใต้ต้องยึดสันติภาพเป็นทางเลือกโดยไม่เลือกวิถีการต่อสู้หรือกดดัน เขาเดินหน้าเจรจาทวิภาคีกับประเทศในย่านทะเลจีนใต้และสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือเพื่อยกระดับนโยบายความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งฝึกอบรม แลกเปลี่ยนอุปกรณ์ในการป้องกันท้องทะเลระหว่างสองประเทศ

นายกรมต.ซูงะเยือนประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซียระหว่าง 18-21 ต.ค.2563 ในการเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากชินโสะ อาเบะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเดินหน้าผลักดันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศญี่ปุ่น นั่นคือภารกิจในการต่อต้านอิทธิพลจีน ตามแนวทางยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิคของกลุ่มพันธมิตรQUAD ได้แก่สหรัฐ อินเดีย ออกเตรเลียและญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นมองว่าประเทศจีนเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารเป็น การกดดันและประเทศจีนไม่ยอมรับมติศาลโลกที่ปฏิเสธหลักฐานจีนว่าเป็นพื้นที่ของประเทศจีนมาแต่โบราณ  ญี่ปุ่นเองก็มีปัญหาพื้นที่พิพาทกับจีนทีหมู่เกาะเซ็นกากุ ซึ่งจีนเรียกว่าเกาะเตียวหยู ในทะเลตะวันออกของจีน

ญี่ปุ่นโดยนายกรมต.ซูงะ ชี้ว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกุญแจแห่งความสำเร็จที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิคที่อิสระและเปิดกว้าง” เป็นจริง วิสัยทัศน์ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางทหารของประเทศต่างๆได้เริ่มมาแล้วในสมัยรัฐบาลอาเบะ นายกรมต.ซูงะปฏิเสธคำวิเคราะห์ของฝ่ายจีนว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตร QUAD เป็นการสร้างบทบาทแบบองค์กรนาโต้ในเอเชีย

ทั้งนายกรมต.ซูงะและประธานาธิบดี โจโค วิโดโดแห่งอินโดนีเซีย จะทำงานร่มกันในการพัฒนาบทบาทต่างประเทศและความมั่นคงทางทหาร ในการแลกเปลี่ยน-อบรมเทคโนโลยีชั้นสูงทางทหาร นอกจากนี้ นายกรมต.ซูงะได้ลงนามข้อตกลงการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์กับเวียดนามแล้วในการเยือนก่อนหน้านี้ รวมทั้งกำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับรัฐบาลไทย

ในอดีตประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถส่งออกอาวุธไปยังต่างประเทศมีไว้ใช้ป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้แก้กฏหมายในสมัยรัฐบาลอาเบะ ทำให้สามารถขายอาวุธไปต่างประเทศได้