“อานนท์” รับลูก “ปิยบุตร” ใกล้สุกงอมนำสู่ปฏิวัติ? ยกระดับปฏิรูปสถาบัน!! ผวาใช้อัยการศึก อ้างเยาวชนไม่ใช่ข้าศึก!?

1724

“อานนท์” รับลูก “ปิยบุตร” ใกล้สุกงอมนำสู่ปฏิวัติ? ยกระดับปฏิรูปสถาบัน!! ผวาใช้อัยการศึก อ้างเยาวชนไม่ใช่ข้าศึก!?

จากกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความว่า “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ ทำข้อเสนอให้ราดิคัลที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่ พร้อมกับยืนยัน ยกระดับให้ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอขั้นต่ำที่เราจะไม่ถอยไปมากกว่านี้ หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนองตอบ สถานการณ์จะสุกงอมจนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ นี่คือ ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”

และยังได้โพสต์ข้อความถึง ข้อเสนอ 5 ข้อต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยมีเนื้อหาบางส่วนว่า วันที่ 3 สิงหาคม ปีที่แล้ว ที่อานนท์ นำภา ได้ปราศรัยประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน การปราศรัยครั้งนั้น คือ การนำประเด็นสถาบันกษัตริย์มาพูดในที่สาธารณะ ที่ไม่ใช่เวทีเสวนาวิชาการในมหาวิทยาลัย ที่ไม่ใช่ในสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ใช่ในพื้นที่ของสถาบันการเมือง แต่พูดกันบนเวทีการชุมนุม บนท้องถนน การปราศรัยอย่างกล้าหาญและทระนงองอาจของอานนท์ในครั้งนั้น นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย 7 วันหลังจากนั้น การชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นำโดย พริษฐ์ ชิวารักษ์ และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้ปราศรัยข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ นับแต่นั้น

โดยข้อเรียกร้องข้อ 3 ระบุว่า ยกระดับข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นการปฏิรูปแบบปฏิวัติ

แม้ข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คือ “ปฏิรูป” ไม่ใช่ “ปฏิวัติ” แต่เราต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในครั้งนี้ ไม่ใช่งานจำพวก “ปฏิรูปแบบปฏิรูปนิยม” แต่มันคือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”
ในทางรูปแบบ คือ การปฏิรูป ไม่ได้ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ขีดเส้นยืนยันว่ายังรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ต่อไป
แต่ในทางเนื้อหา คือ การปฏิวัติ เพราะเป็นเนื้อหาการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้ระบอบนี้
“ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเรายกระดับข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นี้ให้เป็น “ข้อเสนอขั้นต่ำ” หมายความว่า ข้อเสนอทั้งหมดก็เพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ในระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถถอยหรือลดไปกว่านี้ได้ และหากไม่รับข้อเสนอเช่นนี้ ด้วยสถานการณ์แบบที่เป็นอยู่ที่ประชาชนก้าวรุดหน้ามากขึ้น ก็จะโหมเร่งให้รุดหน้ามากขึ้น สุกงอมเพียงพอจนปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ
ทำข้อเสนอให้ราดิคัลที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่
พร้อมกับยืนยัน ยกระดับให้ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอขั้นต่ำที่เราจะไม่ถอยไปมากกว่านี้
หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนองตอบ สถานการณ์จะสุกงอมจนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ
นี่คือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”

ล่าสุดทางด้าน อานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร ได้โพสต์ข้อความในทำนองเดียวกันกับนายปิยบุตร โดยระบุข้อความว่า

คำถามง่ายๆที่เราต้องตอบตัวเองในทุกๆวันคือ เราจะอยู่ในสังคมแบบทุกวันนี้จริงๆหรือ หรือว่าเราอยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้มันดีขึ้น
สถานการณ์จวนสุกงอม สังคมใหม่หยั่งรากลึกแผ่ขยายกิ่งก้านสาขา สังคมเก่าขยับตัวต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางกระแสการประกาศใช้กฎอัยการศึก อีกคำถามที่ต้องถามไปยังทหารและหัวหน้าทหาร
ท่านเห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นข้าศึกหรือ ?
วันนี้ 3 สิงหาคม ค้นหาคำตอบของทุกเงื่อนงำ อภิปรายถึงปัญหาโครงสร้างอย่างตรงไปตรงมา 16.00 น. หน้าหอศิลป์ กทม.
#ม็อบ1สิงหา
#ม็อบแฮรี่พอตเตอร์
ก่อนหน้านี้ นายอานนท์ ได้โพสต์ข้อความว่า ถ้าจินตนาการไม่ออกว่ารัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนยังไง ก็ลองจินตนาการดูว่าถ้าม็อบประกาศใช้กระบอง กระสุนยางและแก๊สน้ำตากับเจ้าหน้าที่คืนบ้าง รับรองรัฐจะรีบโล่ออกมาบอกว่าม็อบใช้ความรุนแรงแน่นอน รัฐ หรือคนที่ยังสนับสนุนรัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนอาจบอกว่า “ก็เขาเป็นรัฐนี่”

เป็นรัฐแล้วไง ? มีสิทธิใช้คสามรุนแรงฝ่ายเดียวหรอ ?
ในทางตรงกันข้าม รัฐมีหน้าที่รับใช้ประชาชนด้วยซ้ำ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเจ้านายปกครองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
อย่าทรนงตนมาก สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว คนมันฉลาดขึ้นและไม่ยอมให้รัฐมาทำร้ายแล้วลอยนวลแบบที่ทำกันมาในอดีตแล้ว
พร้อมกับบอกว่า กลับจากม็อบ กด shoppee สั่งน้ำเกลือขนาด 1,000 มิลลิตรไป 120 ขวด
เจอกันแน่ 7 สิงหาคมนี้
ก่อนหน้านี้ ได้มีการกระแสเรียกร้องให้ใช้กฎอัยการศึก โดยทาง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า อำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน รัฐประหารโควิดจำเป็นครับ ไม่มีปืนคุมอะไรไม่ได้หรอกครับ สำหรับประเทศไทย ในวิกฤติมหาโรคระบาดเช่นนี้ หากปราศจากความเด็ดขาดในการควบคุม สุดท้ายจะตายกันเกลื่อน โรงพยาบาลระบบล่ม คนจะนอนตายตามบ้านมากมาย ไม่มีกฎอัยการศึก คนไทยไม่กลัว เรื่อง social media ก็ต้องทำให้สงบด้วยกฎอัยการศึก ภาวะนี้ผมยืนยันว่าการประกาศกฎอัยการศึกจำเป็น เรากำลังอยู่ในมหาสงครามโรคระบาด พ.ร.บ กฎอัยการศึก ใช้ในภาวะสงคราม มีภัยอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ในเวลานี้จำเป็นและเหมาะสมที่สุดแล้ว ทหารต้องออกมารักษาระเบียบวินัย ชาติจะรอดต้องรอดด้วยวินัยเท่านั้นครับเวลานี้ วินัยคือวัคซีนที่ดีที่สุดครับ
ซึ่งต่อมาทำให้สามกีบ นำไปขยายผลต่อ จนทำให้ต่อมารองโฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นข่าวเท็จโดยสิ้นเชิง อย่าได้หลงเชื่อเพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่มีหน่วยงานใดจัดทำขึ้น หากได้อ่านข้อความก็คงจะประเมินได้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขอย้ำอย่าส่งต่อ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ปล่อยข่าวเท็จ