นายกฯเด็ดขาด! จัดการก๊วนล้มล้างฯยกแผง “ก้าวไกล” โดนด้วย? ส่ง DSI ดำเนินคดีแล้ว
จากกรณีที่ ม.จ. จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ร้องยื่นยุบพรรคก้าวไกล โดยบอกว่า
ครบรอบ 2 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่คดีอาญาอันเนื่องมาจากการยุบพรรคยังคงเงียบสนิท ว่ายังไงครับ ท่านผู้ใหญ่ครับ ทั้งหัวหงอก หัวดำ และหัวล้าน มีเพื่อนผมร้องถามมา แต่อีกไม่นาน อาจมีข่าวดี เจี๊ยบ ชอบหยามของสูงแทนเกียร์คนขับรถเมล์ อาจหมดอนาคตทางการเมือง และนอนคุก แน่นอน และพลอยทำให้ พรรคก้าวไม่สั้น ไม่ไกลอาจจะโดนยุบ แบบอนาคตใหม่ เพราะเจี๊ยบ และพรรคพวกแท้ๆ
พร้อมกับมีการเผยภาพซึ่งเป็นข้อความอ้างว่า เป็นของนายณฐพร เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งระบุว่า
ข่าวดี สำหรับประชาชนผู้จงรักภักดี ข่าวร้าย สำหรับบุคคลองค์กรเครือข่ายที่ล้มล้างการปกครอง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย นายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินคดี กระทรวง ส่งเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ดำเนินคดีแล้วครับ ซึ่งคดีนี้ไม่ต้องใช้ เวลาสอบสวนให้ยุ่งยาก เพียงแต่ขอสำนวน ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา มาดำเนินคดี ซึ่งมีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานพฤติการณ์ การกระทำ รายชื่อบุคคลครบถ้วน สามารถ ออกหมายเรียกมาแจ้งข้อหาได้เลยครับ
อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า การชุมนุมและปราศรัยของแกนนำมวลชนราษฎรเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
โดยนายณฐพร ได้กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่า กระบวนการหลังจากนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัยการที่จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปดำเนินคดีอาญา โดยยอมรับว่าหลังมีคำตัดสินชี้ขาดมา ส่วนตัวไม่ได้สบายใจหรือสุขใจ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในประเทศไทย และไม่ต้องการให้มีกระบวนการที่อยู่เบื้องหลังการล้มล้างทำลายสถาบันฯ
“มั่นใจต่อคำร้องนี้ เนื่องจากมีพยานหลักฐาน ปัจจุบันมีกระบวนการชักศึกเข้าบ้าน นำองค์กรต่างชาติเข้ามาดำเนินการกับประเทศไทย พร้อมกับตั้งคำถามว่า การล้มล้างสถาบันฯ ประชาชนได้อะไร หากเป็นการดำเนินการเพื่อปัญหาปากท้องของประชาชนจะเกิดประโยชน์กว่า” นายณฐพร ระบุ
ทั้งนี้ นายณฐพร ย้ำว่า ส่วนข้อเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของฝ่ายการเมือง ยืนยันว่าจากคำวินิจฉัยจะทำให้คำร้องเอาผิดและยุบพรรคก้าวไกลดำเนินการได้ ซึ่งตนได้ยื่นคำร้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไว้ตามมาตรา 92 เชื่อว่า กกต.จะขอคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไปดำเนินการ เนื่องจากพรรคการเมือง และ ส.ส.ของพรรคดังกล่าวให้การสนับสนุนทางการเงิน และการประกันตัวผู้ต้องหา รวมถึงอ้างว่ามีการไปร่วมชุมนุมถือเป็นความผิด ซึ่งเชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นสารตั้งต้นในการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้กระทำการละเมิดสถาบันฯ
ซึ่งต่อมา ก็ได้มีการเรียกร้องดำเนินคดีจริยธรรมกับ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล โดยมีการเปิดเผยคำร้องเรียนเรื่องจริยธรรมต่อปปช. ระบุว่า ข้าพเจ้า ดร.ณฐพร โตประยูร อาชีพอดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการ แผ่นดิน ขอร้องเรียนว่า นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ นครปฐม” สมาชิกผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังมีข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน ดังต่อไปนี้
เช่น หลังการเลือกตั้ง วันที่ 15 ก.พ. 2563 พรรคอนาคตใหม่ นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค จัดกิจกรรมอภิปรายสาธารณะ หัวข้อ “จากโคราช สู่การปฏิรูปกองทัพ” ที่ อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลาฯ (แยกคอกวัว) ถ.ราชดำเนินฯ โดยอ้างว่า ไม่ได้ต้องการมุ่งหมายทำร้ายกองทัพ แต่เราควรยอมรับความจริง ผู้ก่อการมาจากความไม่ยุติธรรมใน กองทัพ ซึ่ง ผบ.ทบ. ก็ได้ออกมายอมรับในเรื่องนี้ พรรคฯ ต้องการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจัง จึงเชิญ ชวนประชาชนทุกคนที่ต้องการเห็นการปฏิรูปกองทัพออกมาร่วมแสดงพลัง ปกป้องภาษีร่วมกัน ให้น้องประชาชนมีความหวังมากกว่าที่เป็นอยู่ แกนนำพรรคที่เข้าร่วมประกอบด้วย พลท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคฯ / ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ, นายวิโรจน์ ลักขณา, อดิสร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคฯ (ร่วมบรรยายความอยุติธรรม), น.สพรรณิการ์ วานิช (ช่อ) โฆษกพรรคฯ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ (กาย) ส.ส.เขตบางขุนเทียน รองโฆษกพรรคฯ
มีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องเสียง การแสดงดนตรีวงสามัญชนสลับกับแกนนำขึ้นกล่าว บนเวที, ให้รวมเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกองทัพ ลงบนกระดาษโพสต์อิท แล้วนำไป แปะติด กระดานบอร์ดข้อความ นอกจากนี้ยังพบนพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส. จ.แพร่ พรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ นำหน้ากากอนามัย มีตัวอักษรย่อ คำว่า “ผนงจรตกม” ผู้นำโง่เราจะ ตายกันหมด) มาแจกพร้อมรับบริจาค เพื่อหาทุนไปทำหน้ากากดังกล่าวมาแจกอีก สำหรับกิจกรรมบน เวที แกนนําพรรคอนาคตใหม่ขึ้นกล่าวปราศรัย มีผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 100 คน
รวมทั้งยังมีหลักฐานที่นางอมรรัตน์ มักจะออกไปสังเกตการณ์ร่วมกิจกรรมเกือบทุกม็อบ โดยเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 563 จนท.ตร.คุมตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำเยาวชนปลดแอก มาถึง สน. สำราญราษฎร์ เวลา 18.40 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ พร้อมประชาชนบริเวณด้านหน้าสน.สำราญราษฎร์ ประมาณ 20 คน
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานปรากฎที่เจ้าตัวใช้ตำแหน่งส.ส.ไปยื่นประกันตัวแกนนำในคดีความผิด 112 อีกหลายครั้งด้วย
จากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานที่ได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้นโดยลำดับ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กระทำ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 มีโทษตาม มาตรา 18 และประกาศผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ทำให้ เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การกระทำของ นางอมรัตน์ เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 วรรคสอง ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561
จึงเรียนมาเพื่อ ท่านกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้โปรดพิจารณาดำเนินการแก่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ตามบทบัญญัติกฎหมาย ตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานข้างต้น