จากที่วันนี้ 12 กุมภาพันธ์ 2565 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุถึงข้อเท็จจริง เมื่อสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาหนีคดีม.112 นำข้อมูลเท็จมาหลอกปั่นหัวบรรดากลุ่มสามนิ้วนั้น
ทั้งนี้นายอัษฎางค์ เปิดเผยถึงเนื้อหาที่มีข้อมูลประกอบยืนยันข้อเท็จจริงว่า “เมื่อไรสามกีบจะเบิกเนตรจริงๆ เสียที ว่าหงอกไม่เจียม ศาสดาแห่งการแหกตา (รวมถึงแกนนำนักแหกตาทั้งหลาย) ใช้คำว่า มา “เบิกเนตร”กับคนไทย ทั้งที่ “แหกตา” ซ้ำซาก ครั้งแล้วครั้งเล่า
คนเราโดนหลอกครั้งสองครั้งก็น่าจะเกินพอ น่าจะฉลาดขึ้นบ้างแล้ว แต่นี่กลับยินดีให้เขาแหกตา โกหกซ้ำซากอยู่แบบนี้ มันคืออะไร นี่หรือคนรุ่นใหม่ ที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้มีชาญฉลาด เด็กไทย คนไทย ฉลาดเพราะชอบเสพข่าวเท็จ อย่างนั้นหรือ?
Thai Aviation Club โพสต์ข่าวการบินไทยซื้อเครื่องบินลำใหม่ เครื่องโบอิ้ง 777-300ER ทะเบียน HS-TTA และได้รับพระราชทานชื่อว่า “อลงกรณ์” มาตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว
สื่อต่างประเทศที่ศาสดาแห่งการแหกตาทั้งหลายชอบนำมาอ้างอิง เป็นสื่อท้องถิ่นกระจอกๆ และไร้จรรยาบรรณขนาดไหนถึงได้ลงข่าวปลอม
กี่ครั้งแล้วที่ถูกจับได้ด้วยข้อเท็จจริง ทั้งคนปล่อยข่าวปลอมและคนที่นิยมเสพข่าวปลอม รู้สึกอายกันบ้างมั้ย หรือว่าชอบ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนได้เสพสารเสพติด”
ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ถูกออกหมายจับตามความผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความโดยบอกว่า มีข่าวลือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งทำให้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกโซเชียล
ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลทุกช่องเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวทันที
ต่อมาทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบถึงข้อความหมิ่นเหม่ดังกล่าว โดยได้ตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงตามข่าวลือ หรือข้อกล่าวอ้างจากนายสมศักดิ์แต่อย่างใด
ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการป้องกันข่าวปลอม (Fake News) ว่า ได้ให้มีการศึกษาเกี่ยวการปรับแก้กฎหมาย หรืออาจจะออกกฎกระทรวงหรือออกประกาศ ออกระเบียบในส่วนของการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์
“ขณะนี้มีเฟกนิวส์ต่างๆ ออกมามาก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเตือนคนที่กำลังตั้งใจจะทำร้ายบ้านเมืองด้วยการปล่อยเฟกนิวส์เพื่อปั่นป่วนกันเองขอให้หยุด เพราะที่ผ่านมาเรามีคณะติดตามเรื่องนี้คอยรวบรวบพยานหลักฐานไว้หมด หากพบว่ากระทำผิดจะดำเนินการปิดกั้นและดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอให้เคารพกฎหมายด้วย”
เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่าจะประสานกับตำรวจให้ล่าตัว นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ออกมาโพสต์ข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาดีอีเอสมีการแจ้งไปยังเจ้าของแฟลตฟอร์มขอให้ปิดกั้นข้อมูลที่สร้างความตื่นตระหนกและไม่เป็นความจริงมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะเพจของ นายสมศักดิ์ หรือเพจของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เท่านั้น
ทั้งนี้ กรณีของ นายสมศักดิ์ ดีอีเอสได้ประสานไปยังตำรวจให้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว และเชื่อมั่นว่าในที่สุดจะดำเนินคดีเอาตัวคนผิดมาลงโทษในเมืองไทย โดยใช้กลไกส่งตัวผู้ร้ายข้ามและช่องทางอื่นที่มีตามกฎหมายระหว่างประเทศ