จากการที่ปธน.โจ ไบเดนขู่ฟ่อจะคว่ำบาตรท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2(Nord Stream 2)ของรัสเซียแน่ เรื่องนี้อดีตนักการทูตแคนาดาออกมาฟันธงว่า หากเกิดขึ้นก็แค่จะทำให้รัสเซียเสียเงินเท่านั้น แต่จะส่งผลเสียต่อเยอรมนีและประชาชนทั่วยุโรปอย่างมาก และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของสหรัฐฯที่คาดว่าจะมีนั้น ความจริง ก็ไม่สามารถชดเชยส่วนที่ขาดแคลนได้อย่างที่สหรัฐกล่าวอ้าง ถ้าเยอรมนีและประเทศอื่นๆในยุโรปเดินตามวาระวอชิงตันก็เหมือนกับทำลายตัวเอง ทำลายความสัมพันธ์กับรัสเซียที่มีมาอย่างยาวนาน คนที่ได้ประโยชน์มีแต่สหรัฐเท่านั้น
วันที่ 8 ก.พ.2565 แพทริก อาร์มสตรอง(Patrick Armstrong) อดีตนักการทูตแคนาดาให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกว่า “การยกเลิก Nord Stream จะทำให้รัสเซียต้องเสียเงินเท่านั้น และยังมีผลกระทบอื่นๆอีกมาก แต่มันจะทำร้ายเยอรมนีและยุโรปโดยตรง และ US LNG ก็ไม่สามารถชดเชยการขาดแคลนได้”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ปธน.โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯแถลงข่าวร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนี ในกรุงวอชิงตันระบุว่า ฝ่ายบริหารของสหรัฐกำลังมองหาการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกสำหรับยุโรป เพื่อชดเชยการสูญเสีย LNG จากรัสเซียที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการคว่ำบาตรที่บังคับใช้โดย ตะวันตกเหนือสถานการณ์วิกฤตยูเครน ไบเดนย้ำว่าสหรัฐฯ สามารถหาส่วนทดแทนได้
และมีกระแสข่าวว่าสหรัฐกำลังเจรจากับยูเออี ตลอดจนกำลังขายความคิดกับสเปนให้นาโตสร้างท่อส่งก๊าซเอง ซึ่งได้เคยเสนอมาเมื่อ 3 ปีก่อนในนามโครงการท่อก๊าซ Midcat แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่คุ้มทุน และทดแทนก๊าซจากรัสเซียได้แค่ 20% เท่านั้น
ขณะเดียวกันปี 2019 โครงการท่อส่งก๊าซมิดแคท (Midcat) ถูกต่อต้านอย่างหนักในภาคประชาชนฝรั่งเศสและสเปน จนต้องยกเลิกโครงการ เป็นชัยชนะของการเคลื่อนไหว ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วยุโรปและทั่วโลก หากมีการจับมาปัดฝุ่นใหม่ย่อมถูกต่อต้านอย่างแน่นอน เป็นความย้อนแย้งของสหรัฐอย่างชัดเจน ในขณะที่ประกาศว่าจะเป็นผู้นำในการลดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ และลดการใช้พลังงานฟอสซิล แต่กลับผลักดันให้ประเทศอื่นทำเสียอย่างนั้น
อาร์มสตรองชี้ว่าเยอรมนีต้องเผชิญแรงกดดันอย่างเข้มข้นของสหรัฐฯ ให้เข้าร่วมในการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ต่อรัสเซีย และทำลายผลประโยชน์ที่ลงตัวโดยธรรมชาติของเยอรมนีในการมีความสัมพันธ์อันดีกับมอสโกว์และนำเข้าพลังงานที่จำเป็นมากในราคาถูก
เขากล่าวว่า“โดยเฉพาะเยอรมนีและยุโรปโดยทั่วไปกำลังถูกบังคับให้เผชิญกับปัญหาที่พวกเขาไม่ต้องการเผชิญ และนั่นคือการยอมจำนนต่อวอชิงตันจะเป็นความหายนะของพวกเขา หากพวกเขาเลือกตัวเลือกนี้”
อาร์มสตรองมองว่า“รัสเซียจะไม่ ‘บุกยูเครน’ หากไม่มีเหตุพลิกผันอื่น แต่รัสเซียจะ “ทุบ” กองกำลังยูเครนต่อเมื่อพวกเขาบุกโจมตีสาธารณรัฐโดเนตสค์และลูกันสค์ในเขตดอนบาสที่ติดชายแดนรัสเซีย
พันเอก ดั๊กกลาส แมคเกรกอร์(US Army Colonel Douglas Macgregor) นักประวัติศาสตร์และบุคคลสำคัญอาวุโสทางทหารของสหรัฐ มองต่างว่าชอลซ์(Scholz)ไม่น่าจะเสี่ยงทำลายความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้าอันอบอุ่นของเยอรมนีกับรัสเซีย
เขากล่าวว่า“ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีชอลซ์ของเยอรมนี จะทำให้ Nord Stream 2 ตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเชิงบวกที่มีมายาวนานของเยอรมนีกับมอสโกว์ และผลเสียหายจากการกระทำดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของเยอรมนีในการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ กระทบทั้งยุโรป และเขาคงไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นคนทำสิ่งนั้น”
แมกเกรเกอร์กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เพราะชอลซ์เป็นน้องใหม่ในงานเป็นผู้นำของเขา เขาอาจถือว่าการไม่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในยูเครน อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเบอร์ลินกับวอชิงตันตกอยู่ในความเสี่ยงก็เป็นได้”